xs
xsm
sm
md
lg

ชี้อุณหภูมิส่อพุ่งสูง เสี่ยงคลื่นความร้อนกระทบสุขภาพ-แพทย์เตือนระวัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - นักวิชาการชี้ประเทศไทยเสี่ยงร้อนที่สุดในอาเซียนช่วงวันที่ 17-19 มี.ค. 59 แถมมีโอกาสเกิดคลื่นความร้อนส่งผลกระทบสุขภาพ ด้านแพทย์ สสจ.เชียงใหม่เตือนระวังโรคลมแดด หรือ “ฮีทสโตรก” อันตรายถึงตาย แนะเลี่ยงออกกลางแดดช่วงร้อนจัด และดื่มน้ำมากๆ พร้อมย้ำกลุ่มเสี่ยงต้องดูแลป้องกันตัวเป็นพิเศษ

จากกรณีนายจิรพล สินธุนาวา อาจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ปีนี้ประเทศไทยเสี่ยงที่จะตกอยู่ในสภาพอากาศร้อนกว่าปีที่ผ่านมา เพราะมีมวลอากาศร้อนจากมหาสมุทรแปซิฟิกมีอุณหภูมิสูงขึ้นจากปกติในรอบ 50 ปีพัดเข้ามาปกคลุม โดยพบว่าในแผนที่มวลอากาศมีข้อมูลระบุว่าประเทศไทยจะร้อนที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนในช่วงวันที่ 17-19 มี.ค. 59 นี้ ซึ่งสิ่งที่น่ากังวลคือ มวลอากาศดังกล่าวมีโอกาสที่จะเปลี่ยนเป็นคลื่นความร้อน หรือฮีตเวฟ ได้ ที่จะทำให้อุณหภูมิยิ่งสูงขึ้นและร้อนในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

นายแพทย์ ไพศาล ธัญญาวินิชกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปีนี้อากาศจะร้อนมากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวอาจส่งผลให้ประชาชนบางกลุ่มเจ็บป่วยจากอากาศร้อนได้ โดยที่น่าห่วงและมีอันตรายสูงคือ ฮีทสโตรก (Heat stroke) หรือโรคลมแดด ซึ่งเป็นภาวะวิกฤต ร่างกายไม่สามารถปรับตัว หรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายจากผลของสภาพอากาศที่ร้อนจัด ซึ่ง หากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ต่อเนื่องจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกิน 40 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ หน้ามืด เพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัว หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ช็อก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้เสียชีวิตได้

ทั้งนี้ ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคลมแดดได้สูงกว่าคนทั่วไปมี 6 กลุ่ม ได้แก่ 1. ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่น ออกกำลังกาย 2. เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าคนหนุ่มสาว 3. ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งมีปัญหาการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดเดิมอยู่แล้ว 4. คนอ้วน 5. ผู้ที่อดนอน และ 6. ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยร่างกายของคนอ้วนและผู้ที่อดนอนจะตอบสนองต่อความร้อนที่ได้รับช้ากว่าปกติ โดยเฉพาะในคนอ้วนจะมีไขมันใต้ผิวหนังมาก ไขมันจะเป็นฉนวนความร้อน ร่างกายจะสามารถเก็บความร้อนได้ดี และระบายความร้อนออกได้น้อยกว่าคนทั่วไปจึงเกิดปัญหาได้ง่าย

ขณะที่ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดฝอยที่อยู่บริเวณใต้ผิวหนังขยายตัวได้มากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูงกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม ขณะเดียวกันในสภาพอากาศที่ร้อนจัด แอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้รวดเร็ว และออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดเร็วและแรงขึ้น มีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย อาจทำให้ช็อก และเสียชีวิตได้

สำหรับการช่วยเหลือผู้ที่มีอาการเป็นลมแดด ให้นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองมากขึ้น คลายชุดชั้นในและถอดเสื้อผ้าออกให้เหลือน้อยชิ้น ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกคอ ตัว รักแร้ ขาหนีบ หน้าผาก ร่วมกับการใช้พัดลมช่วยเป่าระบายความร้อนหรือใช้น้ำเย็นราดตัวเพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลง และรีบส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ในรายที่อาการยังไม่มากควรให้ดื่มน้ำเปล่ามากๆ

ส่วนการปฏิบัติตัวเพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงนั้น แนะนำให้ประชาชนสวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ไม่หนา ระบายความร้อนได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หากเป็นไปได้ควรอยู่ภายในบ้าน เช่น ใต้ถุนบ้าน หรืออยู่ใต้ร่มไม้ ลดทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงกลางแจ้งสวมแว่นกันแดด สวมหมวกปีกกว้าง ควรดื่มน้ำมากกว่าปกติเพื่อให้ร่างกายปรับอุณหภูมิให้คงที่ ชดเชยการเสียน้ำในร่างกายจากเหงื่อออก น้ำจะเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ ปรับตัวสู้กับอากาศร้อนได้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด

นอกจากนี้ เน้นย้ำว่าอย่าทิ้งเด็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยงไว้ในรถที่จอดอยู่กลางแจ้ง ความร้อนภายในรถจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นลมแดดสูงมาก ส่วนผู้ที่ออกกำลังกาย ควรเลือกในช่วงเช้าหรือช่วงเย็น เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนมาก และให้ทำค่อยเป็นค่อยไป ผู้ที่มีโรคประจำตัวหากมีอาการผิดปกติ เช่น วิงเวียนปวดศีรษะ ใจสั่น ขอให้พบแพทย์หรือโทร.ปรึกษาสายด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือคาดหมายลักษณะอากาศวันนี้ (17 มี.ค. 59) ภาคเหนือจะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 19-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-41 องศาเซลเซียส ส่วนคาดหมายลักษณะอากาศในช่วงระหว่างวันที่ 16-22 มี.ค. 59 จะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 19-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-41 องศาเซลเซียส

ทั้งนี้ ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่คาดว่าจะมีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ในช่วง 38-39 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ในช่วง 22-24 องศาเซลเซียส รวมทั้งท้องฟ้าโปร่งไปตลอดทั้งสัปดาห์นี้จนถึงสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ อุณหภูมิสูงสุดในปี 2558 ที่ผ่านมาวัดได้ 43.1 องศาเซลเซียส ที่อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 58
กำลังโหลดความคิดเห็น