ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ และประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวชี้จีนแสดงความสนใจแห่เข้าลงทุนในเชียงใหม่ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกเกินความคาดหมาย เพราะเป็นจุดศูนย์กลาง AEC ตอนบน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน ระบุหากนำเม็ดเงินเข้ามาทำการลงทุนจริงๆ ย่อมเกิดประโยชน์ แต่ย้ำต้องใช้มาตรการกฎหมายควบคุมดูแลให้ดำเนินการอย่างถูกต้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อท้องถิ่นอย่างแท้จริงและป้องกันการฉวยโอกาสทำธุรกรรมมิชอบ
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า นอกจากจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นจุดหมายทางการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากชาวจีนแล้ว ปัจจุบันยังพบว่ามีความเคลื่อนไหวของนักลงทุนชาวจีนที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มากขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย โดยเฉพาะการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ทั้งโรงแรมที่พัก บ้าน คอนโดมิเนียม รวมทั้งร้านอาหาร และบริษัททัวร์ เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าการลงทุนรองรับการเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ของชาวจีนด้วยกัน
ซึ่งข้อมูลจากสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน พบว่า เวลานี้มีนักลงทุนจากจีนประมาณ 50 รายที่แสดงความสนใจจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร โรงแรม เกสต์เฮาส์ ร้านค้าปลีก และจำหน่ายของที่ระลึก มูลค่าการลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีการประเมินว่าปัจจุบันเฉพาะธุรกิจโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่น่าจะมีกว่า 20 แห่งที่ถูกนักลงทุนจีนเข้ามาซื้อกิจการไปแล้ว
ทั้งนี้ นายพรชัย จิตรนวเสถียร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ และประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แสดงความเห็นว่า การเข้ามาลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่ของกลุ่มนักลงทุนจากต่างชาตินั้นไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด เพราะจังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางของ AEC ตอนบนที่มีการเชื่อมต่อกับจีนหลายช่องทาง เพียงแต่ว่าการที่นักลงทุนจีนมีแนวโน้มที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วต่อเนื่องและน่าจะมีมูลค่ามหาศาลอาจจะไม่เป็นที่คุ้นเคยเท่านั้น ซึ่งการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนจีนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในธุรกิจใดๆ ก็ตาม
หากเป็นการลงทุนที่มีการนำเม็ดเงินเข้ามาลงทุนอย่างแท้จริง ล้วนส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในท้องถิ่นอย่างแน่นอนทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ว่าจะต้องมีการใช้กฎหมายและมาตรการต่างๆ ที่มีอยู่มาบังคับใช้ควบคุมให้การเข้ามาลงทุนต่างๆ เหล่านั้นเกิดประโยชน์ต่อผู้คน ท้องถิ่น และประเทศไทยจริงๆ ไม่ใช่เป็นการเปิดช่องให้มีการฉวยโอกาสกอบโกยแสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่ถูกต้อง
โดยนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ และประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวระบุด้วยว่า การที่นักลงทุนจีนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และที่อยู่อาศัย รวมทั้งธุรกิจโรงแรม ที่พัก และเกสต์เฮาส์นั้นย่อมเป็นสิ่งที่ทำได้หากดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ที่มีความเป็นห่วงก็คือการเข้ามาลงทุนเช่าหรือซื้อที่พักอาศัยและอสังหาริมทรัพย์ แต่นำไปทำธุรกิจแอบแฝงอื่นโดยอาศัยช่องโหว่ต่างๆ
เช่น ไปลงทุนเช่าหรือซื้อคอนโดมิเนียมครั้งละหลายๆ ห้อง หรืออพาร์ตเมนต์ แล้วนำไปเปิดบริการในรูปแบบเดียวกับโรงแรมและรับเฉพาะคณะนักท่องเที่ยวจีน ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและทำให้ท้องถิ่นสูญเสียประโยชน์ รวมทั้งไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการที่ทำถูกต้องด้วย เพราะการเปิดบริการดังกล่าวเป็นการเลี่ยงเสียภาษีต่างๆ เป็นต้น ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการใช้กฎหมายตรวจสอบและควบคุมให้ได้ เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นต่อยอดให้เกิดกิจกรรมและธุรกรรมต่างๆ ที่ไม่ถูกต้องตามมา