อุบลราชธานี - ชาวจังหวัดอุบลราชธานีและอำนาจเจริญเตรียมเฮถนน 4 เลนได้ใช้แน่ปลายปีนี้ ขณะเดียวกันทางหลวงวอนวัยรุ่นคึกคะนองอย่าทำลายป้ายไฟเตือนช่วงค่ำคืน เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุในเขตทางที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
นายธนกฤต ธานี นายช่างโยธาชำนาญงาน สำนักก่อสร้างกรมทางหลวง กล่าวถึงโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 212 อุบลราชธานี-อำนาจเจริญ ตอน 3 ซึ่งก่อนหน้าถูกวิพากษ์วิจารณ์ก่อสร้างโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนและคนเดินเท้าว่า การก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 212 ตอนที่ 3 มีระยะทางรวม 21.630 กิโลเมตร
แต่ต้องใช้ระยะเวลาก่อสร้างนานเกือบ 2 ปี คือ เริ่มสัญญาวันที่ 13 พ.ย. 2557 สิ้นสุด 1 พ.ย. 2559 เพราะเป็นการก่อสร้างทางชั้นพิเศษ 4 ช่องจราจร กรมทางหลวงส่งนายช่างโยธาดูแลการก่อสร้างอย่างละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อเป็นไปตามสเปกที่กรมทางหลวงกำหนด ทั้งวัสดุอุปกรณ์ใช้ก่อสร้าง พื้นคอนกรีตแอสฟัลติกมีความเข้มข้นตรงตามสเปกเพียงพอหรือไม่
พร้อมสุ่มตรวจพื้นที่ทำการปูถนนไปแล้ว เพื่อเช็กเมื่อเทพื้นปูถนนไปแล้วการบดอัดได้มาตรฐานตรงตามที่ต้องการหรือไม่ ซึ่งจะมีการตรวจสอบทุกอย่างจนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ อันถือเป็นขั้นตอนการควบคุมการก่อสร้างที่ดำเนินการเป็นปกติอยู่แล้วของกรมทางหลวงที่มีการก่อสร้างในทุกเส้นทาง
นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมด้านความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนระหว่างการก่อสร้าง โดยผู้รับเหมาต้องติดป้ายเตือน และแสงสว่างตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อให้ผู้สัญจรไปมาใช้ความระมัดระวังขณะขับยานพาหนะเข้ามาในเส้นทางที่ยังมีการก่อสร้าง โดยไฟฟ้าส่องสว่างกลางคืนจะมีการตรวจสอบใช้งานได้จริงทุกวัน เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับประชาชนที่ใช้ถนนในเส้นทางนี้
พร้อมกับเตือนวัยรุ่นที่คึกคะนอง ไม่ควรทำลายป้ายไฟใช้ส่องแสงสว่างในช่วงกลางคืน ซึ่งใช้แจ้งให้ระวังทางกำลังก่อสร้าง หรือป้ายทางเบี่ยง เพราะการทำลายป้ายไฟอาจเป็นผลร้ายต่อคนในครอบครัวของผู้ทำลายป้ายเอง หากขับยานพาหนะมาในบริเวณดังกล่าวแล้วมองไม่เห็นป้ายเตือนเพราะถูกทำลายอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตได้ จึงขอเตือนไม่ควรทำลายป้ายไฟอย่างเด็ดขาด
ด้านนายยุทธพล พันธุ์เพ็ง ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ส.เขมราฐอินดัสตรี้ จำกัด บริษัทผู้รับจ้างกล่าวถึงการก่อสร้างเส้นทางดังกล่าว ขณะนี้ได้ก่อสร้างไปแล้วกว่า 50% คาดว่าอย่างช้าภายในปลายปีนี้การก่อสร้างจะเสร็จสมบูรณ์ 100% และประชาชนที่ใช้เส้นทางจะได้ใช้ทางอย่างสะดวกสบาย
ส่วนความเสียหายกับป้ายไฟที่ถูกทำลาย เบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่บริษัทไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสืบหาตัวคนร้าย เพราะการกระทำดังกล่าวอาจเป็นการจงใจ เนื่องจากระยะหลังพบบ่อยขึ้น จึงอยากให้เห็นแก่ความปลอดภัยผู้ใช้ถนนในเส้นทางดังกล่าวด้วย