พิษณุโลก - ผอ.สำนักอนุรักษ์ 11 ยกคณะพิสูจน์ “น้ำตกชาติตระการ” ให้เห็นกับตา ยืนยันน้ำไม่มีแห้งจนถึงสงกรานต์แน่ แต่ไหลไม่แรงเหมือนอดีต ชี้มีฝายดักตอนบนช่วยได้
วันนี้ (24 ก.พ.) นายอมร ต่อเจริญ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 11 เป็นประธานปล่อยขบวนจักรยานของนักปั่นอาสาตรวจหาไฟป่า (bike against forest fire) โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าในสังกัด สบอ.11 ออกรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน ต.ป่าแดง ต.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก
หลังพบว่าพื้นที่ใกล้เคียงอุทยานน้ำตกชาติตระการ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี่ยงภูทองมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟป่า จึงต้องเร่งสร้างความเข้าใจและทำให้ประชาชนตระหนักถึงความเสียหายไฟป่า พร้อมจำลองสาธิตการดับไฟป่า
จากนั้นต่อมาคณะของเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ฯ 11 เดินทางไปยังน้ำตกชาติตระการ เพื่อตรวจสอบถึงปัญหาภัยแล้งที่อาจส่งผลกระทบต่อแหล่งท่องเที่ยว คือ น้ำตกชาติตระการ
นายอมรกล่าวว่า วันที่ 24 ก.พ.ของทุกปีเป็นวันป้องกัน-ปลอดควันพิษจากไฟป่า ตามมติ ครม. ซึ่งสถานการณ์ไฟป่าของประเทศไทยมีความรุนแรงจากภาวะโลกร้อน ในส่วนของพิษณุโลก แม้ปัญหาไฟป่าจะไม่รุนแรงเหมือนกับภาคเหนือตอนบน แต่จำเป็นต้องรณรงค์ไม่ให้ชาวบ้านจุด หรือทำให้เกิดไฟป่า ซึ่งทาง สบอ.11 มีหน่วยดับไฟป่าหลายหน่วย ต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน และต้องดับไฟให้ทันท่วงที
สำหรับโทษคนเผาป่า มีการปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบ คือ การจุดไฟ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้นหากประชาชนพบเหตุไฟป่าเกิดขึ้นจะต้องรีบแจ้ง 1362 ทันที
ส่วนปัญหาภัยแล้งในจังหวัดพิษณุโลกที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวนั้น ยืนยันว่า ยังไม่สาหัสถึงขั้นน้ำตกไม่มีน้ำ เพียงแต่น้ำตกมีน้ำไม่มากเหมือนหลายปีที่ผ่านมา ฉะนั้นจำเป็นต้องรณรงค์ไม่ให้เกิดไฟป่า อันจะส่งผลกระทบต่อภัยแล้ง สำหรับปัญหาไฟป่ายังสามารถควบคุมได้ และคาดว่านับจากนี้ไปไม่น่ารุนแรงนัก
นายอมรกล่าวต่ออีกว่า ผลการลงพื้นที่ตรวจสอบน้ำตกชาติตระการวันนี้ พบว่ายังพอมีน้ำอยู่บ้าง เพราะมีการสร้างฝายเล็กๆ ในพื้นที่ตอนบนของน้ำตกร่วม 20 แห่ง สามารถให้ความความชุ่มชื้นแก่ผิวดิน ทำให้น้ำตกชาติตระการยังพอมีน้ำอยู่บ้าง ยืนยันถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็ไม่แห้ง เพียงแต่ไม่มีน้ำไหลมากมายเหมือนในอดีตเท่านั้น