กำแพงเพชร - นายอำเภอพรานกระต่าย พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม ที่ดินจังหวัด ทหาร ฯลฯ ตั้งโต๊ะไกล่เกลี่ยข้อพิพาทนายทุนรื้อบ้านสองตายายไร้ที่อยู่ พบเจ้าของเดิมขายขาด-โอนกรรมสิทธิ์เสร็จสรรพ แต่ผู้ซื้อทำผิดขั้นตอนจนโดนวิจารณ์เละ ล่าสุดได้ข้อยุติเจ้าของใหม่ให้ยืมโฉนด 1 แปลงยื่นกู้เงินมาไถ่ถอน พร้อมสร้างบ้านให้ด้วย
วันนี้ (23 ก.พ.) ว่าที่ ร.ต.ธราธร แข็งขัน นายอำเภอพรานกระต่าย พร้อมด้วยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกำแพงเพชร, เจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดฯ, ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เชิญตัวคู่กรณีนายทุนรื้อบ้านเลขที่ 51/6 หมู่ที่ 4 ต.หนองหัววัว อ.พรานกระต่าย ทำให้สองตายายวัย 70 กว่า และหลานชายที่ป่วย ต้องนอนทั้งที่ไม่มีหลังคา เข้าพูดคุยตกลงหาข้อยุติปัญหาร่วมกัน
ทั้งนี้ พบว่าที่ดิน และบ้านที่เป็นข้อพิพาท นางพรทิพย์ นาโตนด ได้ทำสัญญาซื้อขายให้นางอี๊ด ทรัพย์ทวี อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 267/3 หมู่ 10 ต.พรานกระต่าย อย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ให้กับนางอี๊ดเป็นที่เรียบร้อย แต่ที่นางอี๊ดเจ้าของคนใหม่ได้รื้อบ้านโดยที่ยังไม่ใช้สิทธิ์ทางศาลในการฟ้องขับไล่ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ทำให้สองตายายได้รับความเดือดร้อน
ด้านนางอี๊ดยอมรับว่าได้ทำการรื้อจริงเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากคิดว่าเป็นการซื้อบ้านและที่ดินมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย บ้านและที่ดินตกเป็นของตน จึงได้ทำการรื้อบ้านออกไปเป็นบางส่วน ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความเดือดร้อน ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นคนใจร้ายกับสองตายาย
“อยากขอให้สังคมเห็นใจ เป็นการทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ ไม่คิดว่าต้องใช้สิทธิ์ทางศาลในการฟ้องขับไล่ก่อน”
นางอี๊ดบอกว่า ดังนั้นจึงขอแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยินยอมให้นางพรทิพย์ นาโตนด ผู้ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งเป็นคนที่ขายบ้านและที่ดินผืนเดิมให้กับตนเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ได้นำเงินมาซื้อบ้าน และที่ดินคืน จากยอดเงินที่ได้ตกลงซื้อขายกันก่อนหน้านี้ประมาณ 800,000 บาท
แต่หากนางพรทิพย์ไม่มีเงินมาซื้อที่คืนก็จะให้การช่วยเหลือ โดยจะนำไม้จากบ้านหลังเก่าสร้างบ้านหลังใหม่ได้อยู่อาศัยในเนื้อที่บ้านของนางสมพิศ นาโตนด เป็นหลานของสองตายาย ที่อยู่ติดกัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ดินของนางสมพิศก็ได้นำไปจำนองกับนางอี๊ด ในราคา 100,000 บาท เป็นระยะเวลา 5 ปี สิ้นสุดสัญญาเดือนพฤศจิกายน 2559 ซึ่งถ้ามาไถ่ถอนคืนก็จะต้องเสียดอกเบี้ยบางส่วนตามข้อตกลง แต่ถ้าผู้จำนองไม่สามารถนำเงินมาไถ่ถอนตามกำหนดได้นั้นก็จะถูกยึดอีก
ดังนั้น นางอี๊ดจึงได้ยอมให้นางสมพิศนำโฉนดที่ดินที่จำนองไว้กับตนไปกู้กับสถาบันการเงิน เพื่อให้นำเงินทั้งต้นและดอกเบี้ย รวม 130,000 บาท มาใช้หนี้ เพื่อยุติปัญหาเรื่องราวทั้งหมด และขอให้ไปถอนแจ้งความในข้อหาบุกรุกให้กับตนด้วย
หลังการเจรจาทำให้ทั้งสองฝ่ายพอใจกับข้อสรุปที่ได้ ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงได้ทำบันทึกข้อตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษร ทำให้เรื่องราวข้อพิพาทยุติลงในที่สุด