กำแพงเพชร - สองตายายวัย 70 กว่าปีชาวกำแพงเพชร พร้อมหลานชายที่ป่วยไร้ที่อยู่ทันที หลังหลานสาวเจ้าของบ้านนำโฉนดที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้ไว้เมื่อปี 54 แต่ยังไม่ครบกำหนดไถ่ถอนตามสัญญา 5 ปี กลับส่งคนมารื้อถอนแล้ว
ว่าที่ ร.ต.ธราธร แข็งขัน นายอำเภอพรานกระต่าย ได้รับรายงานจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ต.หนองหัววัว อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ว่า ได้มีนายทุนเงินกู้ทำการรื้อถอนบ้านของราษฎรในหมู่บ้านเพื่อชำระหนี้เงินกู้ วานนี้ (21 ก.พ.) จึงได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ชุดปฏิบัติการมวลชนอำเภอพรานกระต่าย ตรวจสอบ
ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงทราบว่า บ้านที่เกิดเหตุ เลขที่ 51/6 หมู่ที่ 4 ต.หนองหัววัว เดิมมีนางพรทิพย์ นาโตนด เป็นผู้ครอบครอง แต่ขณะนี้ได้ไปทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ได้มีการทำสัญญาซื้อขายให้ นาง ก. (นามสมมติ) ชาว อ.พรานกระต่าย เมื่อปี 2554 แต่ยังมีนายประเสริฐ จันทร์แดง อายุ 73 ปี และนางเศียร์ แผนสุวรรณ์ อายุ 75 ปี ลุงกับป้าพักอาศัยอยู่กับนายเดชา จันทร์แดง หลานชาย อายุ 44 ปี ซึ่งกำลังป่วยอีก 1 คน อาศัยบ้านอยู่
ซึ่งที่จริงแล้วผู้ที่ซื้อบ้านต่อจากนางพรทิพย์จะต้องให้ลุงกับป้าของนางพรทิพย์ย้ายออกก่อนจึงจะรื้อถอนได้หรือใช้สิทธิทางศาลในการฟ้องขับไล่ แต่ผู้ซื้อได้ให้คนงานมารื้อถอนบ้านขณะที่ลุงกับป้านางพรทิพย์ยังอาศัยอยู่ในบ้าน จึงได้มอบหมายให้ผู้ใหญ่บ้านนำนางเศียร แผนสุวรรณ์ ซึ่งเป็นป้าของนางพรทิพย์ แจ้งความดำเนินคดีฐานบุกรุกต่อผู้ที่รื้อถอน
ด้านนายสดุดี พุทธัง ปลัดอาวุโสนายอำเภอพรานกระต่าย เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวเบื้องต้นได้ประสานผู้ใหญ่บ้านให้หาที่พักอาศัยให้นายประเสริฐ และนางเศียร์ แผนสุวรรณ์ สองตายายชั่วคราวก่อน เพื่อหาข้อสรุปและแนวทางการช่วยเหลือในระยะยาวต่อไป
ขณะที่นางสมพิศ นาโตนด อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/1 หมู่ 4 บ้านบางลาด ต.หนองหัววัว อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร เปิดเผยว่า ตอนแรกได้ไปเอาเงินมาแล้วนำโฉนดที่ดินไว้กับผู้กู้ ของตนเองนำโฉนดจำนวน 3 ใบ นำเงินมา 100,000 บาท ของพี่สาว (นางพรทิพย์) 1 ใบ เนื้อที่ 4 ไร่เศษ นำเงินมา 250,000 บาท
แต่กู้มาได้ไม่ถึง 2 เดือน ผู้ให้กู้ก็มาเรียกตนไปที่โรงพัก พร้อมกับให้ตนหาเงินมาจ่าย 20,000 บาท แต่ตนหามาให้ได้เพียงแค่ 18,000 บาท ต่อมาอีก 1 ปีผู้กู้ก็มาเรียกเงินจากตนอีก 50,000 บาท ส่วนในสัญญาตนกู้เงินมาจำนวน 100,000 บาท ต้องใช้เงินทั้งหมดจำนวน 100,000 บาท ไม่มีดอกเบี้ย ในกำหนด 5 ปี แต่ยังไม่ถึง 5 ปี ผู้ให้กู้ได้มีการเรียกร้องเงินกับตนโดยจ่ายไปแล้ว 68,000 บาท ยังเหลืออยู่ที่ 32,000 บาท
แต่ผู้ให้กู้ให้ตนหาเงินอีก 280,000 บาท ตนจึงไปขอความเป็นธรรมที่อำเภอพรานกระต่าย จากนั้นก็มีการเรียกผู้ให้กู้มาสอบถามถึงจำนวนเงิน 280,000 บาท แล้วทางหน่วยงานก็มีการให้ตกลงให้จบเรื่องเงินจำนวน 280,000 บาท พร้อมกับมีการทำข้อตกลงเรื่องที่ดินที่ค้ำประกันใหม่ แต่ไม่มีทางเข้าออกของบ้านตน ถ้าหากอยากได้ตนจะต้องไปฟ้องร้อง หรือซื้อที่ดินเข้าออกเอง พร้อมกับมีการบังคับให้รื้อบ้าน
“ตอนนี้ก็ยังไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เพราะไม่มีเงินมากพอที่จะไถ่ถอน ส่วนบ้านที่ถูกรื้อถอน ญาติๆ ที่เป็นทนายก็บอกว่าให้ผู้รื้อหยุดการรื้อถอนไว้ก่อนเพราะเหมือนเป็นการบุกรุก เจ้าของบ้านจริงๆ คือพี่สาว แต่นาง ก.ก็บอกว่าตอนนี้บ้านเป็นของผู้ให้กู้แล้ว มีสิทธิ์ที่จะสั่งรื้อถอนได้ พร้อมกับมีการขับไล่ตากับยายที่อาศัยอยู่ในบ้านให้หาที่นอนใหม่ ฉันก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไร”
นางสมพิศบอกว่า ตอนนี้ได้โทร.หาพี่สาวเพื่อให้มาขนของบนบ้านออก ถ้าหากผู้กู้อยากได้ก็จะให้บ้านไปทั้งหลัง เพราะตนก็ไม่มีปัญญาที่จะหาเงินจำนวนมากมาใช้หนี้ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกำแพงเพชรจะเข้าตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมกรณีสัญญาเงินกู้ดังกล่าวโดยละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากจำนวนเงินที่ระบุในสัญญาแรกเริ่ม กับข้อเรียกร้องล่าสุดของผู้ให้กู้มีข้อแตกต่างกันหลายเท่าตัว