ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผงะ! นักวิชาการสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัย 8 ประเทศทั่วโลก เจอคาตาระหว่างลงพื้นที่ดูงาน น้ำเสียสีขุ่นข้นคล้ายสนิมถูกลักลอบปล่อยทิ้งลงเต็มคลองแม่ข่ากลางเมืองเชียงใหม่ ขณะที่เทศบาลนครเชียงใหม่นำเจ้าหน้าที่เข้ากำจัดสิ่งปฏิกูลเปิดทางน้ำไหลเพื่อเจือจาง พร้อมเร่งตรวจสอบหาต้นตอ เบื้องต้นคาดว่าเป็นน้ำเสียจากโรงงานที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียง เตรียมชงเรื่องให้ สนง.อุตสาหกรรมจังหวัด พิจารณาลงโทษ แรงสุดถึงขั้นยึดใบอนุญาตและสั่งปิด
วันนี้ (21 ก.พ. 59) นายชาตรี เชื้อมโนชาญ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และ ดร.วสันต์ จอมภักดี ประธานคณะกรรมการประสานงานอนุรักษ์แม่ปิงและสิ่งแวดล้อม (คอปส.) และคณะทำงานพัฒนาและแก้ไขปัญหาฟื้นฟูสภาพคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ นำเจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงใหม่ ตรวจสอบสภาพน้ำและทำการกำจัดสิ่งปฏิกูลที่ขวางทางไหลของน้ำในคลองเงิน ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของคลองแม่ข่า บริเวณสะพานข้ามคลอง ถนนรัตนโกสินทร์ ตำบลช้างม่อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
หลังจากวานนี้ (20 ก.พ.) ระหว่างที่ ดร.วสันต์ นำนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยจาก 8 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, จีน, ออสเตรเลีย, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว, อินโดนีเซีย และไทย เข้าศึกษาดูงานในสถานที่จริงกรณีศึกษาความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่าในบริเวณดังกล่าว แต่กลับพบมีการลักลอบปล่อยน้ำเสียที่มีลักษณะขุ่นข้นเป็นสีน้ำตาลแดงเข้มจำนวนมากลงสู่คลองแม่ข่าโดยไม่ทราบแหล่งที่มา สร้างความผิดหวังและประหลาดใจให้แก่คณะผู้ศึกษาดูงานเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ดร.วสันต์เปิดเผยว่า บังเอิญพบเหตุดังกล่าวระหว่างการนำคณะนักวิชาการจากมหาวิทยาลัย 8 ประเทศ ลงพื้นที่ศึกษาดูงานการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในคลองแม่ข่า ช่วงสายวานนี้ (20 ก.พ.) ซึ่งยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังอย่างมากที่เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นระหว่างที่นำคณะลงพื้นที่โดยตั้งใจจะแสดงให้เห็นความก้าวหน้าของการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในคลองแม่ข่า จากการรณรงค์และสร้างความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะชุมชนและครัวเรือนมาอย่างต่อเนื่อง
แต่กลับพบว่ายังคงมีผู้ประกอบการบางรายที่ไร้จิตสำนึก ขาดความรับผิดชอบ และเห็นแก่ตัว ลักลอบปล่อยน้ำเสียที่ไม่ผ่านการบำบัดลงสู่คลองแม่ข่า ซึ่งเบื้องต้นมีความเป็นห่วงอย่างยิ่งว่าน้ำเสียดังกล่าวที่มีลักษณะขุ่นข้นเป็นสีน้ำตาลแดงคล้ายสนิมจะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในและระบบนิเวศน์ในคลองแม่ข่า เพราะแม้จะผ่านมากว่า 24 ชั่วโมงแล้ว แต่พบว่าสีน้ำยังคงเข้มขุ่นอยู่ จึงได้มีการประสานให้ทางเทศบาลนครเชียงใหม่เข้าทำการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการกำจัดสิ่งปฏิกูลกีดขวางทางน้ำเพื่อน้ำไหลคล่องและเจือจางน้ำเสียดังกล่าว พร้อมทั้งเร่งตรวจสอบแหล่งที่มาและดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ยอมรับว่าสะท้อนให้เห็นว่า แม้จะมีการรณรงค์สร้างจิตสำนึกมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แต่ก็ยังคงมีผู้ที่ไร้จิตสำนึกอยู่จำนวนหนึ่ง โดยจากนี้การรณรงค์สร้างความเข้าใจและจิตสำนึกยังคงต้องทำต่อเนื่องต่อไป แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการนำมาตรการทางกฎหมายมาบังคับใช้อย่างเข้มข้นจริงจังมากกว่าที่ผ่านมา
ขณะที่รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่กล่าวว่า เบื้องต้นได้จัดเจ้าหน้าที่ของเทศบาลนครเชียงใหม่ทำการกำจัดเศษขยะและสิ่งปฏิกูลที่กีดขวางทางน้ำในจุดดังกล่าวออกทั้งหมด เพื่อเปิดทางให้น้ำในคลองไหลได้คล่องขึ้น ซึ่งจะช่วยเจือจางน้ำเสียที่มีการลักลอบทิ้งดังกล่าว นอกจากนี้ ได้มีการเก็บตัวอย่างน้ำไปทำการตรวจสอบเพื่อให้ทราบแน่ชัดด้วยว่ามีองค์ประกอบหรือสารใดปนเปื้อนอยู่บ้าง ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งทำการตรวจสอบแหล่งที่มาของน้ำเสียที่มีการลักลอบทิ้งดังกล่าวด้วยว่ามาจากที่ใด
เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมาจากฝั่งทางด้านตะวันออกของคลอง ที่เป็นที่ตั้งของสถานประกอบการในลักษณะของโรงงานหลายแห่ง ซึ่งน่าจะทราบผลในวันพรุ่งนี้ (22 ก.พ.) โดยหากตรวจสอบพบว่าเป็นผู้ประกอบการโรงงานจริง ทางเทศบาลนครเชียงใหม่จะได้ประสานเรื่องไปที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ให้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของเทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งหากตรวจสอบพบว่ากระทำความผิดจริงอาจมีโทษสูงสุดถึงขั้นยึดใบอนุญาตและสั่งปิดโรงงาน