บุรีรัมย์ - ผู้มีอาชีพขับรถแท็กซี่รับจ้าง 6 รายบุรีรัมย์เดือดร้อน บุกร้องขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความให้ฟ้องร้องเอาผิด “ห้างหุ้นส่วนจำกัดแท็กซี่บุรีรัมย์กิจเจริญ” ฐานฉ้อโกง หลังผ่อนส่งงวดค่าเช่าซื้อรถกับทางบริษัทแต่กลับถูกไฟแนนซ์ตามยึด อ้างคนขับแท็กซี่ไม่ยอมส่งค่างวดติดต่อกัน 6-10 งวด
วันนี้ (4 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้มีอาชีพขับรถแท็กซี่รับจ้างที่จังหวัดบุรีรัมย์จำนวน 6 รายได้รับความเดือดร้อนร่วมกันนำเอกสารหลักฐานการเช่าซื้อรถแท็กซี่เข้ายื่นร้องต่อ นายพลกฤต เนาว์ประโคน ประธานสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ ที่สำนักงานสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ ให้เร่งช่วยเหลือดำเนินการฟ้องร้อง นายชลยุทธ ทองดี เจ้าของกิจการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด “แท็กซี่บุรีรัมย์กิจเจริญ” ซึ่งสำนักงานตั้งอยู่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 3 ก.พ.
โดยระบุว่า นายชลยุทธมีพฤติกรรมฉ้อโกงการเช่าซื้อรถแท็กซี่ของผู้ร้องจากทางบริษัท ตั้งแต่คันละ 600,000-1,000,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท ซึ่งทุกคนได้ส่งงวดค่าเช่าซื้อให้กับทางบริษัทตรงตามกำหนดตั้งแต่รายละ 10,000-12,000 บาท/ต่อเดือน บางรายซื้อเป็นเงินสด แต่ไม่สามารถโอนทะเบียนรถมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองได้ ซ้ำยังถูกบริษัทไฟแนนซ์ติดตามยึดรถ
อีกทั้งนายชลยุทธได้นำทะเบียนรถของทั้ง 6 รายไปเข้าไฟแนนซ์ ทำให้ผู้ขับรถแท็กซี่รับจ้างต้องค้างจ่ายค่างวดตั้งแต่รายละ 6-10 งวด เนื่องจากนายชลยุทธไม่นำเงินที่ผู้เสียหายดังกล่าวจ่ายให้ไปแล้วส่งงวดให้กับไฟแนนซ์ดังกล่าว หากรายใดไม่ไปติดต่อชำระค่างวดก็จะถูกพนักงานบริษัทไฟแนนซ์ติดตามยึดรถทันที จึงสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนขับแท็กซี่เป็นอย่างมาก ทั้งเป็นการซ้ำเติมผู้มีอาชีพขับรถแท็กซี่รับจ้างที่ต่างก็มีรายได้น้อย ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในครอบครัวอยู่แล้ว
จึงร้องขอให้สภาทนายความเร่งดำเนินการฟ้องร้องเอาผิด นายชลยุทธ เจ้าของกิจการ หจก.แท็กซี่บุรีรัมย์กิจเจริญ ให้มารับผิดชอบชดใช้ค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นดังกล่าวด้วย
ทางด้าน นายประพันธ์ แกมรัมย์ อายุ 41 ปี หนึ่งในผู้ขับรถแท็กซี่รับจ้างที่เข้าร้องขอความช่วยเหลือ กล่าวว่า ตนได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถกับ นายชลยุทธ ทองดี เจ้าของกิจการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด “แท็กซี่บุรีรัมย์กิจเจริญ” และได้ส่งงวดมาโดยตลอดทุกเดือน โดยมีเสมียนมาคอยนั่งเก็บเงินค่างวดที่บริษัท แต่ไม่ได้พบหน้านายชลยุทธมา 2 ปีแล้ว จนล่าสุดทางบริษัทไฟแนนซ์ได้แจ้งมาว่าค้างค่างวดหลายเดือนแล้ว และจะมายึดรถคืน เมื่อได้แจ้งก็ตกใจมากเพราะตนได้นำเงินไปส่งชำระที่บริษัททุกเดือน
จึงได้สอบถามกับทางไฟแนนซ์ได้รับการชี้แจงว่า นายชลยุทธได้นำทะเบียนรถไปเข้าไฟแนนซ์กับทางบริษัท และค้างค่างวด หากไม่เข้าไปติดต่อชำระค่างวดค้างจ่ายทางบริษัทจะยึดรถคืน จึงรู้ว่าถูกนายชลยุทธหลอก ได้ร่วมกันนำเอกสารหลักฐานใบเสร็จการจ่ายเงินเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับทางสภาทนายความให้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับคู่กรณี ทั้งให้ช่วยติดตามตัวนายชลยุทธให้มารับผิดชอบค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย
ส่วนนางเสาวลักษณ์ ชิดรัมย์ ผู้มีอาชีพขับรถแท็กซี่หญิง กล่าวว่า เดิมขับรถตุ๊กตุ๊กรับจ้างอยู่ ต่อมาอยากมีแท็กซี่เป็นของตัวเอง จึงได้นำโฉนดที่ดินไปจำนองกับนายทุนจำนวน 2 แสนบาท เพื่อมาเป็นเงินดาวน์รถแท็กซี่กับทางบริษัทบุรีรัมย์กิจเจริญ และส่งงวดมานานจนใกล้จะหมดแล้ว แต่กลับมาถูกนายชลยุทธหลอก ไม่ยอมนำเงินไปจ่ายให้บริษัทไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นการซ้ำเติมและสร้างความเดือดร้อนให้ตนเองและครอบครัวเป็นอย่างมาก
จึงอยากร้องขอให้ทางสภาทนายความหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้วย ทั้งอยากให้ดำเนินคดีกับนายชลยุทธ และรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วย
ทางด้านนายพลกฤต เนาว์ประโคน ประธานสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุหลังรับเรื่องร้องเรียนว่า ทางสภาทนายความพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้มีอาชีพขับรถแท็กซี่รับจ้างที่หากินโดยสุจริตที่ได้รับความเดือดร้อน โดยจะเร่งรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเพื่อเข้าแจ้งความฟ้องร้องดำเนินคดีกับ นายชลยุทธ เจ้าของกิจการ หจก.แท็กซี่บุรีรัมย์กิจเจริญ ตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง เบื้องต้นตามพฤติกรรมน่าจะเข้าข่ายความผิดฉ้อโกงประชาชน ให้เข้ามารับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นดังกล่าวด้วย