สธ. เร่งสางปัญหาหนี้ยาคงค้างกว่า 1 พันล้านบาท ไม่ให้ค้างข้ามปี สั่งผู้ตรวจช่วยดู อภ. เล็ง ขยายจ่ายเครดิตบริษัทคู่ค้า
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้หารือกับ นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ถึงเรื่องการจ่ายเงินค่ายา และเวชภัณฑ์ต่าง ๆ เนื่องจากที่ผ่านมาโรงพยาบาลในสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.) บางแห่งยังมีการค้างจ่ายเงินให้กับ อภ. อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องนี้ก็ต้องไปพิจารณาว่าค้างจ่ายเพราะอะไร โดย อภ. หารือว่าอยากให้มีการจ่ายเงินงวดย้อนหลังก่อน คือ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556 - 2558 และจากนี้ไปหากจะค้างจ่ายก็ควรเป็นปีต่อปี โดยได้มอบหมายผู้ตรวจราชการกระทรวง และสาธารณสุขนิเทศในการไปดูเรื่องนี้แล้วว่า มีกี่แห่ง งบประมาณเท่าใด เพราะบางแห่งที่ค้างจ่าย ให้เหตุผลว่า งบไม่เพียงพอ ก็ต้องไปดูว่าจะหาทางช่วยเหลืออย่างไร แต่หลายแห่งค้างจ่าย เพราะอาจนำเงินไปดำเนินการอย่างอื่น ก็ต้องไปดูเหตุผล
นพ.นพพร ชื่นกลิ่น กล่าวว่า การบริหารจัดการหนี้สินระหว่างโรงพยาบาลสังกัด สธ. กับ อภ. ต้องมีการปรับเกลี่ยหนี้ใหม่ ในขณะนี้พบว่ามีหนี้สินคงค้างกว่า 1 พันล้านบาท โดยมียอดค้างชำระมาตั้งแต่ปี 2554 ทำให้จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการ เพื่อชำระหนี้ให้ได้ปีต่อปี นอกจากนี้ อาจมีการขยายระยะเวลาการจ่ายค่าวัตถุดิบต่าง ๆ กับบริษัทคู่ค้า จากระยะเวลาเครดิต 60 วัน เป็น 120 วัน เพื่อทำให้เกิดความสมดุลของหนี้ ถึงแม้ว่า อภ. จะทำกำไรได้ แต่ครึ่งหนึ่งของภารกิจที่ทำไม่ได้กำไรแต่อย่างใด เพราะเป็นผลิตยาจำเป็น ยากำพร้า ที่ไม่มีบริษัทเอกชนผลิต หรือ เป็นการผลิตเพื่อตรึงไม่ให้ยาในตลาดปรับตัวสูงเกินไปจนประชาชนไม่สามารถเข้าถึงได้
นพ.นพพร กล่าวว่า อภ. วางแผนในการเพิ่มศักยภาพในการผลิต โดยจะมีการขยายกำลังการผลิตเฟส 2 ที่รังสิต เบื้องต้นมีการประเมินว่าจะใช้งบประมาณ 4,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บท จะแล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2559 โดยการลงทุนของ อภ. ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้เงินลงทุนด้วยตัวเองไม่ได้มีการของบเพิ่ม แต่ปกติที่จะต้องส่งเงินคืนกระทรวงการคลังเฉลี่ยปีละ 300 - 500 ล้านบาท และปีนี้ส่งเงินคืน 600 ล้านบาท หากมีแผนการลงทุนเพิ่มก็จะมี 2 แนวทาง คือ การทำเรื่องเพื่อขอชลอการส่งเงินคืนคลัง หรือการทำเรื่องกู้ยืมเพื่อนำมาลงทุน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะใช้แนวทางใดในการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว ทั้งนี้ ก็ต้องพิจารณาอีกครั้งภายหลังจากแผนแม่บทเสร็จแล้ว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้หารือกับ นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ถึงเรื่องการจ่ายเงินค่ายา และเวชภัณฑ์ต่าง ๆ เนื่องจากที่ผ่านมาโรงพยาบาลในสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.) บางแห่งยังมีการค้างจ่ายเงินให้กับ อภ. อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องนี้ก็ต้องไปพิจารณาว่าค้างจ่ายเพราะอะไร โดย อภ. หารือว่าอยากให้มีการจ่ายเงินงวดย้อนหลังก่อน คือ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556 - 2558 และจากนี้ไปหากจะค้างจ่ายก็ควรเป็นปีต่อปี โดยได้มอบหมายผู้ตรวจราชการกระทรวง และสาธารณสุขนิเทศในการไปดูเรื่องนี้แล้วว่า มีกี่แห่ง งบประมาณเท่าใด เพราะบางแห่งที่ค้างจ่าย ให้เหตุผลว่า งบไม่เพียงพอ ก็ต้องไปดูว่าจะหาทางช่วยเหลืออย่างไร แต่หลายแห่งค้างจ่าย เพราะอาจนำเงินไปดำเนินการอย่างอื่น ก็ต้องไปดูเหตุผล
นพ.นพพร ชื่นกลิ่น กล่าวว่า การบริหารจัดการหนี้สินระหว่างโรงพยาบาลสังกัด สธ. กับ อภ. ต้องมีการปรับเกลี่ยหนี้ใหม่ ในขณะนี้พบว่ามีหนี้สินคงค้างกว่า 1 พันล้านบาท โดยมียอดค้างชำระมาตั้งแต่ปี 2554 ทำให้จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการ เพื่อชำระหนี้ให้ได้ปีต่อปี นอกจากนี้ อาจมีการขยายระยะเวลาการจ่ายค่าวัตถุดิบต่าง ๆ กับบริษัทคู่ค้า จากระยะเวลาเครดิต 60 วัน เป็น 120 วัน เพื่อทำให้เกิดความสมดุลของหนี้ ถึงแม้ว่า อภ. จะทำกำไรได้ แต่ครึ่งหนึ่งของภารกิจที่ทำไม่ได้กำไรแต่อย่างใด เพราะเป็นผลิตยาจำเป็น ยากำพร้า ที่ไม่มีบริษัทเอกชนผลิต หรือ เป็นการผลิตเพื่อตรึงไม่ให้ยาในตลาดปรับตัวสูงเกินไปจนประชาชนไม่สามารถเข้าถึงได้
นพ.นพพร กล่าวว่า อภ. วางแผนในการเพิ่มศักยภาพในการผลิต โดยจะมีการขยายกำลังการผลิตเฟส 2 ที่รังสิต เบื้องต้นมีการประเมินว่าจะใช้งบประมาณ 4,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บท จะแล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2559 โดยการลงทุนของ อภ. ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้เงินลงทุนด้วยตัวเองไม่ได้มีการของบเพิ่ม แต่ปกติที่จะต้องส่งเงินคืนกระทรวงการคลังเฉลี่ยปีละ 300 - 500 ล้านบาท และปีนี้ส่งเงินคืน 600 ล้านบาท หากมีแผนการลงทุนเพิ่มก็จะมี 2 แนวทาง คือ การทำเรื่องเพื่อขอชลอการส่งเงินคืนคลัง หรือการทำเรื่องกู้ยืมเพื่อนำมาลงทุน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะใช้แนวทางใดในการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว ทั้งนี้ ก็ต้องพิจารณาอีกครั้งภายหลังจากแผนแม่บทเสร็จแล้ว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่