นครปฐม - สองลุงเกษตรกรชาวเพชรบุรี จับมือกันเดินเท้าจากเชียงราย จุดหมายปลายทางที่อุทยานราชภักดิ์ หัวหิน พร้อมขอพรจากสิ่งศักดิ์ตลอดเส้นทางที่เดินขอให้ "พ่อหลวง" ทรงหายจากอาการพระประชวร มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงโดยเร็วพลันเพื่อเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวไทย พร้อมเรียกร้องให้คนไทยทำเพื่อพ่อด้วยการไม่กระทำผิดกฎหมาย และอย่าไปหลงเชื่อพวกกลุ่มคนที่ออกมาปั่นหัวยุยงให้เกิดความแตกแยก
วันนี้ (4 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเจริญ สุทธิ์ประเสริฐ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9809 ม.6 ต.เขาย้อย อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี และนายชลอ ดำนิล อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 ม.3 ต.หนองโสน อ.เมือง จ.เพชรบุรี สองเกษตรชาวจังหวัดเพชรบุรี ได้เดินเท้าจากจังหวัดเชียงราย โดยมีจุดหมายปลายทางที่อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเทิดพระเกียรติ และขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดเส้นทางเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันที่ 5 ธันวามหาราช 2558
โดยวันนี้ทั้ง 2 คนเดินทางมาถึง จ.นครปฐม เป็นจังหวัดที่ 11 จากทั้งหมด 14 จังหวัด โดยมีเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครจากมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐมให้การช่วยเหลือในการเก็บสัมภาระและอำนวยความสะดวกในการเดินเท้าเข้าสู่ จ.นครปฐม โดยการเดินทางได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย.เป็นต้นมา และมีกำหนดถึง อ.เขาย้อย ในวันที่ 5 ธันวาคม ก่อนจะเดินทางต่อไปถึงอุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่เกินวันที่ 10 ธ.ค.นี้
นายเจริญ สุทธิ์ประเสริฐ อาชีพชาวนา บอกว่า การเดินทางครั้งนี้เป็นความตั้งใจของตนทั้ง 2 มาตั้งแต่ปีที่ผ่านมาแล้ว เนื่องจากอยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อถวายแด่องค์พ่อหลวง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความซาบซึ้งในพระมทหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงงานอย่างหนักเพื่อพสกนิกรชาวไทยและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ การเดินในครั้งนี้จึงได้ตั้งใจว่าจะต้องทำให้ได้
"ผมสัญญากับตัวเองว่าจะต้องทำให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต วันแรกที่ผมเดินกลางแดดบนถนนมีเหงื่อไหลเข้าตาผม ทำให้ผมต้องบอกกับตัวเองเสมอว่าภาพที่เราเห็นพ่อหลวงทรงงานหนักและมีเหงื่อไหลออกมานั้นท่านทรงทำเพื่อคนไทยอย่างแท้จริง เหงื่อที่ไหลจากตัวเรานั้นไม่สามารถเทียบกับความตั้งพระทัยของพระองค์ไม่ได้เลย เพราะท่านทำทุกวันและยาวนาน เราต้องสำนึกในสิ่งนี้ และตลอดเส้นทางที่เดินตนสวมเสื้อ Walk For Dad ตัวนี้ตลอด และการเดินครั้งนี้ ผมก็ได้เพื่อนร่วมแนวคิดมาด้วย 1 คน ซึ่งเราได้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาตลอดเส้นทางช่วยดลบันดาลให้สุขภาพพลานามัยของพ่อหลวงของเราทรงกลับมาแข็งแรงโดยเร็วพลัน เพื่อเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของเราไปนานแสนนาน”
นายเจริญ กล่าวต่อว่า “คนไทยเกิดมามีพ่อ 2 คน คือพ่อที่ให้กำเนิด พ่อคนที่สองคือพ่อของแผ่นดิน ซึ่งการเดินครั้งนี้ผ่านมาหลายจังหวัดบอกได้ว่าได้รับกำลังใจอย่างล้นปรี่ และซาบซึ้งกับน้ำใจคนไทย สิ่งที่ได้ดีมากคือรอยยิ้มของคนไทยที่มี่ให้กันและเป้าหมายที่ได้วางไว้คือการเดินทางไปให้ถึงอำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี บ้านเกิดของผมในวันที่ 5 ธันวาคมนี้เพื่อเข้าร่วมพิธีการถวายพระพรพระองค์ท่านก่อนจะเดินทางต่อไปยังอุทยานราชภักดิ์ ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อสักการะและถวายความจงรักภักดี ต่ออนุสาวรีย์ของบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ที่ทรงมีความเมตตาต่อประชาชนในผืนแผ่นดินไทยด้วย”
นายเจริญ กล่าวอีกว่า ตลอดสองข้างทางนั้นมีแรงใจจากประชาชนที่ให้กำลังใจเป็นจำนวนมากและมีเงินที่ประชาชนได้บริจาคให้ตลอดทางนั้นก็จะสรุปเพื่อนำไปทำบุญให้กับเจ้าที่เจ้าทางวิญญาณที่อยู่ริมทางที่ช่วยส่งเสริมทำให้การเดินทางสำเร็จลงด้วยดี และขอทำให้ความฝันที่ตั้งไว้เป็นความจริงให้ได้ และไม่มีคำว่าไม่ได้ ต้องมีแต่คำว่าได้เท่านั้น ไม่มีการยอมแพ้แน่นอน โดยเฉลี่ยสามารถเดินได้วันละประมาณ 30 กิโลเมตร และมาเดินเพิ่มความเร็วได้ที่จังหวัดสุพรรณบุรี คือ 60 กิโลเมตรต่อวัน เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิของจังหวัดอ่างทอง เข้ามาปลดสัมภาระให้จึงทำให้เดินได้เร็วขึ้นมาก เมื่อมาถึงจังหวัดนครปฐม ก็มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐมมารับช่วงต่อ ก่อนจะออกเดินทางไปยังจังหวัดราชบุรีต่อไป
“ตอนผมนั่งรถไปที่จังหวัดเชียงราย ได้มองเห็นมีศาลากลางทางที่จังหวัดลำปางดูสวยดี ร่มรื่นน่าพักผ่อน พอช่วงเดินทางกลับปรากฏว่าได้มานอนที่นี่จริงๆ เป็นการเดินมาถึงพลบค่ำเราก็ได้นอนที่นี่กันจริงๆ เป็นเรื่องประหลาดใจ เพราะตลอดระยะทางที่เดินมาตั้งแต่จังหวัดเชียงราย จนถึงสุพรรณบุรี เราต้องอาศัยหาวัด หาที่ว่างนอนกางเต๊นท์ ตลอดทาง บางวัดต้องถามเจ้าอาวาสว่าท่านจะให้นอนไหมเป็นวัดดวงเหมือนกัน อุปสรรคที่เจอคือฝนตกและความร้อนช่วงกลางวัน จนถึงวันนี้ร่างกายเริ่มล้า ขาเริ่มเป็นแผลพุพองมากขึ้น แต่ผมจะเพื่อนจะสู้และไปตามเป้าหมายให้ได้”
"ที่ผมต้องเดินเพราะทุกวันนี้เห็นคนไทยแตกแยกกัน แบ่งสีแบ่งฝั่งแบ่งฝ่าย ผมจึงอยากจะออกมาเดินเพื่อเป็นการแสดงถึงความให้คนไทยรักในสิ่งเดียวกันยึดเหนี่ยวในสิ่งเดี่ยวกัน นั่นคือให้ลำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์พ่อหลวงให้มากๆ และทุกก้าวที่ผมเดินบนถนน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน ไม่สามรถเทียบกับความเหนื่อยที่ท่านทรงงานมาตลอด นายเจริญ กล่าวปิดท้ายด้วยน้ำตาคลอเบ้า" นายเจริญ กล่าว
ด้านนายชลอ ดำนิล อายุ 58 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า ปกติตนเป็นคนชอบเดินท่องเที่ยวอยู่แล้วและเคยเป็นทหารผ่านศึกได้ฟังแนวคิดของนายเจริญ ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วจึงบอกว่าให้รอมาเดินพร้อมกันในปีนี้และได้มาเริ่มกันจริงจังโดยการเริ่มต้นนับจากจังหวัดเชียงราย จากนั้นได้เดินมาที่จังหวัดพะเยา, ลำปาง, แพร่, อุตรดิตถ์, พิษณุโลก, พิจิตร, นครสวรรค์, ชัยนาถ, สุพรรณบุรี, นครปฐม, ราชบุรี, เพชรบุรี และปิดท้ายที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
"ผมเคยเป็นทหารผ่านศึกเคยปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนใต้เมื่อประมาณปี 2520-21 ซึ่งเป็นการปกป้องอธิปไตยของเราไว้ ดำรงซึ่งความมั่งคงในสถาบัน ผมยึดสิ่งนั้นมาตลอดจนวันนี้ผมมาปลูกชมพู่ ทำนาก็ได้นำแนวพระราชทานเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงนำมาใช้อย่างจริงจังและทำให้เป็นแบบอย่างที่ดีจนมีคนมาขอทำตามแบบอย่าง เพราะคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ทำให้จนอดอยากแต่ทำให้รู้ประมาณตน และใช้ชีวิตให้มีความสุขในแบบที่ตนเองมี”
“ส่วนเรื่องการโจมตีสถาบัน ผมอยากจะบอกว่าคนสมัยใหม่ไม่เคยระรับรู้ว่าสถาบันทำอะไรให้คนไทยบ้าง ท่านทรงงานมาหนักเหลือเกิน แต่คนส่วนที่คิดผิดคือการรับฟังข้อความผิดๆ จากการรับฟังข้อมูลที่ผิดๆ มา กรอกหูเข้าทุกวันทำให้เขาหลงเชื่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขให้เข้าใจในสิ่งที่ถูก ซึ่งวันนี้ปัญหาในประเทศเราเยอะมากขึ้น สิ่งที่ควรจะทำคือการวางแผนชีวิตไม่ทำผิดกฎหมายศีลธรรม แค่นี้ก็ช่วยให้สังคมสงบสุขแล้ว”
“สำหรับการเดินครั้งนี้ผมคาดหวังให้เกิดการตื่นตัวทางการออกกำลังกายด้วย อยากให้มีการทำกิจกรรมและทำสังคมออนไลน์ คือการสร้างเว็บไซด์ “เดินเพื่อพ่อ” เพื่อทำให้คนไทยรู้จักการออกกำลังกาย โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากมายนั่นคือการเดิน เป็นการเดินทุกวัน เดินเพื่อออกำลังกายและลดการใช้พลังงาน ลดค่าใช้จ่ายเรื่องยา และทำให้มีสุขภาพที่ดี เรื่องนี้ผมอยากรณรงค์ให้เป็นรูปธรรมเพราะการเดินนั้นประหยัดและยังได้ประโยชน์อีกด้วย” นายชลอ กล่าว