ชุมพร - ทหารผ่านศึกพิการ เดินเท้าจากนครศรีธรรมราช ถึง จ.ชุมพร แล้ว เพื่อถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม
จากกรณี นายเอกราช จูงศิริ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ที่ 3 ต.ท่าดี อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ทหารผ่านศึกซึ่งพิการ ออกเดินเท้าจาก อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อไปถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ รพ.ศิริราช กรุงเทพมหานคร รวมระยะทางประมาณ 1,000 กม.
ซึ่งวันนี้ (11 พ.ย.) นายเอกราช ซึ่งเป็นผู้พิการไม่สามารถพูดได้เนื่องจากประสบอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน และมีโรคประจำตัว คือ เส้นเลือดในสมองตีบตัน มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ได้เดินเท้าถึงอำเภอหลังสวน จ.ชุมพร แล้ว โดย นายเอกราช เดินทางเพียงลำพัง ถือเพียงกระเป๋าสะพายหลังเพียงใบเดียว ซึ่งภายในเป้ประดับด้วยธงชาติ และธงเฉลิมพระเกียรติ สวมเสื้อยืดสีเหลือง กางเกงขาสั้น สวมหมวก และมีร่มไว้กันฝน พร้อมถือแผ่นกระดาษ A 4 ติดตัวไว้ ว่า “ตนเองเป็นผู้พิการไม่สามารถพูดได้ แต่สามารถเขียน และอ่านหนังสือได้ ขอรบกวนเพียงแค่นอนพักผ่อนบริเวณสถานที่ต่างๆ ที่เดินผ่านเท่านั้น และต้องการเดินไปถวายพระพรในหลวงที่ รพ.ศิริราช”
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายเอกราช เข้าสู่เขต อ.หลังสวน จ.ชุมพร พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ ผกก.สภ.หลังสวน ได้สั่งการให้ตำรวจจราจรออกไปอำนวยความสะดวก และให้ความช่วยเหลือเนื่องจาก ทราบว่า นายเอกราช มีอาการบาดเจ็บเท้าซ้ายอักเสบจากการเดิน จึงประสานให้ นพ.ศักดิ์สิทธิ์ มหารัตนวงศ์ ผอ.โรงพยาบาลหลังสวน ตรวจร่างกายว่าจะสามารถเดินเท้าต่อไปได้หรือไม่ เนื่องจากยังมีระยะทางอีกกว่า 600 กม. อีกทั้ง นายเอกราช ยังต้องรับประทานยาเพื่อรักษาอาการเส้นเลือดสมองตีบทุกวัน ซึ่งยามีจำนวนน้อยแล้ว โดยคืนนี้ นายเอกราช จะนอนพักในพื้นที่ อ.สวี จ.ชุมพร
ขณะที่ นพ.ศักดิ์สิทธิ์ มหารัตนวงศ์ ผอ. รพ.หลังสวน กล่าวว่า หลังจากตรวจอาการนายเอกราช ได้รักษาอาการอักเสบที่เท้าซ้ายให้ซึ่งอาการไม่หนักมาก และตรวจสุขภาพ ลงความเห็นว่า นายเอกราช ยังคงสามารถเดินทางต่อไปได้ จึงได้รวบรวมสิ่งของจำเป็น และยาจำนวนหนึ่งให้นายเอกราช ติดตัวไปด้วย
ต่อมา เมื่อชาวบ้านที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลหลังสวนทราบข่าว ต่างพากันมาบริจาคทรัพย์สินให้แก่นายเอกราช จำนวนหนึ่ง ซึ่งตอนแรกนายเอกราช ปฏิเสธแต่เมื่อชาวบ้านบอกว่า ต้องการร่วมถวายพระพรในหลวงกับนายเอกราช ด้วย นายเอกราช จึงรับทรัพย์สินเหล่านั้นไว้ และออกเดินทางต่อไปท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก โดยมีตำรวจ สภ.หลังสวน อำนวยความสะดวกจึงถึงเขตรอยต่อพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.หลังสวน
จากกรณี นายเอกราช จูงศิริ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ที่ 3 ต.ท่าดี อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ทหารผ่านศึกซึ่งพิการ ออกเดินเท้าจาก อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อไปถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ รพ.ศิริราช กรุงเทพมหานคร รวมระยะทางประมาณ 1,000 กม.
ซึ่งวันนี้ (11 พ.ย.) นายเอกราช ซึ่งเป็นผู้พิการไม่สามารถพูดได้เนื่องจากประสบอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน และมีโรคประจำตัว คือ เส้นเลือดในสมองตีบตัน มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ได้เดินเท้าถึงอำเภอหลังสวน จ.ชุมพร แล้ว โดย นายเอกราช เดินทางเพียงลำพัง ถือเพียงกระเป๋าสะพายหลังเพียงใบเดียว ซึ่งภายในเป้ประดับด้วยธงชาติ และธงเฉลิมพระเกียรติ สวมเสื้อยืดสีเหลือง กางเกงขาสั้น สวมหมวก และมีร่มไว้กันฝน พร้อมถือแผ่นกระดาษ A 4 ติดตัวไว้ ว่า “ตนเองเป็นผู้พิการไม่สามารถพูดได้ แต่สามารถเขียน และอ่านหนังสือได้ ขอรบกวนเพียงแค่นอนพักผ่อนบริเวณสถานที่ต่างๆ ที่เดินผ่านเท่านั้น และต้องการเดินไปถวายพระพรในหลวงที่ รพ.ศิริราช”
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายเอกราช เข้าสู่เขต อ.หลังสวน จ.ชุมพร พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ ผกก.สภ.หลังสวน ได้สั่งการให้ตำรวจจราจรออกไปอำนวยความสะดวก และให้ความช่วยเหลือเนื่องจาก ทราบว่า นายเอกราช มีอาการบาดเจ็บเท้าซ้ายอักเสบจากการเดิน จึงประสานให้ นพ.ศักดิ์สิทธิ์ มหารัตนวงศ์ ผอ.โรงพยาบาลหลังสวน ตรวจร่างกายว่าจะสามารถเดินเท้าต่อไปได้หรือไม่ เนื่องจากยังมีระยะทางอีกกว่า 600 กม. อีกทั้ง นายเอกราช ยังต้องรับประทานยาเพื่อรักษาอาการเส้นเลือดสมองตีบทุกวัน ซึ่งยามีจำนวนน้อยแล้ว โดยคืนนี้ นายเอกราช จะนอนพักในพื้นที่ อ.สวี จ.ชุมพร
ขณะที่ นพ.ศักดิ์สิทธิ์ มหารัตนวงศ์ ผอ. รพ.หลังสวน กล่าวว่า หลังจากตรวจอาการนายเอกราช ได้รักษาอาการอักเสบที่เท้าซ้ายให้ซึ่งอาการไม่หนักมาก และตรวจสุขภาพ ลงความเห็นว่า นายเอกราช ยังคงสามารถเดินทางต่อไปได้ จึงได้รวบรวมสิ่งของจำเป็น และยาจำนวนหนึ่งให้นายเอกราช ติดตัวไปด้วย
ต่อมา เมื่อชาวบ้านที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลหลังสวนทราบข่าว ต่างพากันมาบริจาคทรัพย์สินให้แก่นายเอกราช จำนวนหนึ่ง ซึ่งตอนแรกนายเอกราช ปฏิเสธแต่เมื่อชาวบ้านบอกว่า ต้องการร่วมถวายพระพรในหลวงกับนายเอกราช ด้วย นายเอกราช จึงรับทรัพย์สินเหล่านั้นไว้ และออกเดินทางต่อไปท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก โดยมีตำรวจ สภ.หลังสวน อำนวยความสะดวกจึงถึงเขตรอยต่อพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.หลังสวน
