เชียงใหม่ - หนุ่มนักเรียนนอกพักร้อนมาท่องราตรีเชียงใหม่กับเพื่อน ตระเวนเที่ยวทั่วเมือง ก่อนจบที่แหล่งบันเทิงบนห้างดังตอนตี 4 แล้วซิ่งเก๋งกลับที่พักในสภาพเมาแอ๋ รถพุ่งชนจักรยานยนต์ดาบตำรวจจอดติดไฟแดงกระเด็นทั้งรถ-ร่าง เสียชีวิตอนาถ แถมเพื่อนเมาสารเสพติด และขัดขืน-ทำร้ายเจ้าหน้าที่ซ้ำ จนต้องออกแรงคุมตัวกันชุลมุน
วันนี้ (1 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.27 น.ที่ผ่านมาได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋ง ทะเบียน กน 675 ลำปาง พุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จอดติดสัญญาณไฟแดง บริเวณสี่แยกข่วงสิงห์ กลางเมืองเชียงใหม่ อย่างแรงจนรถจักรยานยนต์กระเด็นไปไกลกว่า 30 เมตร ทำให้ดาบตำรวจ สมเพชร สมบูรณ์ อายุ 48 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือกเชียงใหม่ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ชีพพยายามปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทำให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
ส่วนรถยนต์คู่กรณีขับหนีไปไกลหลายร้อยเมตร ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับได้ แต่พบว่าทั้งคนขับและคนที่นั่งมาด้วยซึ่งอยู่ในอาการเมาสุราไม่ยอมลงจากรถ จนเจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมเป็นเวลานาน และเปิดประตูรถออกมากลับทำร้ายเจ้าหน้าที่ จึงเกิดการชุลมุนกันกลางถนน จนต้องออกแรงปล้ำกันไปมาก่อนที่จะสามารถควบคุมตัวทั้งสองคนไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์
โดยพบว่า นายชนินทร์ น้อยมาต่วน อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 ต.แม่วะ อ.เถิน จ.ลำปาง คนขับรถเก๋ง มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 154 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่ากฎหมายกำหนดถึง 3 เท่า ส่วนนายพันชิต อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 ถ.มหาโชค ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ที่นั่งมาด้วย มีอาการเมาสารเสพติดและมียาไอซ์พร้อมอุปกรณ์การเสพในกระเป๋าเงินด้วย
นายชนินทร์ คนขับยอมรับสารภาพว่า เรียนจบทำงานเป็นผู้จัดการร้านอาหารไทยในนิวซีแลนด์ แล้วกลับมาประเทศไทยช่วงพักร้อน ได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงหลายแห่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ก่อนที่จะไปเที่ยวต่อในสถานบันเทิงบนห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านถนนห้วยแก้ว จนถึงตี 4 เป็นจุดสุดท้าย แล้วขับรถกลับบ้านเพื่อนที่รู้จักกันที่นิวซีแลนด์ แต่ตนเมามองไม่เห็นรถจักรยานยนต์ที่จอดติดสัญญาณไฟแดง จึงพุ่งชนท้ายเต็มแรง จนร่างดาบตำรวจลอยกระแทกกระจกหน้ารถ ส่วนรถจักรยานยนต์กระเด็นไปไกลกว่า 30 เมตร และได้ขับรถหนีไปตั้งหลัก จนกระทั่งถูกจับกุมได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งถูกดำเนินคดีเมาแล้วขับ และเฉี่ยวชนรถผู้อื่น เป็นเหตุให้มีผู้ชีวิตและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ส่วนนายพันชิตถูกดำเนินคดีต่อสู้ขัดขวางการจับกุม, มียาเสพติดไว้ในครอบครอง และเสพสารเสพติด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลหาแหล่งที่มาของยาเสพติด