ลำปาง - สสจ.ลำปางห่วงไข้เลือดออกยังมีต่อเนื่อง คาดปี 60 ผู้ป่วยอาจจะเพิ่มขึ้นอีก ย้ำอย่ารอให้ อสม.ไปคอยดูแล ต้องช่วยกันกำจัดลูกน้ำยุงลายก่อนแพร่พันธุ์ ระบุถ้ารอให้มียุงแล้วยิ่งพ่นยาฆ่ายิ่งทำให้ยุงมีภูมิคุ้มกันเพิ่ม
วันนี้ (30 พ.ย.) นายแพทย์ ศิริชัย ภัทรนุธาพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำเดือนพฤศจิกายน ว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกของประเทศไทย ณ วันที่ 27 พ.ย. 2558 พบว่ามีผู้ป่วยทั่วประเทศ 117,013 ราย เสียชีวิต 113 ราย
โดยจังหวัดลำปางมีผู้ป่วยไข้เลือดออกอยู่ในลำดับที่ 32 ของประเทศ และอยู่ในลำดับที่ 4 ของจังหวัดภาคเหนือตอนบน ส่วนอันดับหนึ่งได้แก่ จ.แพร่, เชียงใหม่, แม่ฮ่องสอน และลำปาง
และจากการติดตามการระบาดของโรคไข้เลือดออกตั้งแต่ พ.ศ. 2554-2558 ของลำปางจะพบว่ามีการกระจายของโรคเพิ่มขึ้น โดยในปี 2558 พบ 4 อำเภอ คือ อำเภอแม่เมาะ แม่ทะ เถิน และอำเภอเมือง ส่วนอัตราการป่วยมากที่สุดรายอำเภอตั้งแต่เดือนมกราคมถึง 27 พฤศจิกายน 2558 อยู่ที่อำเภอเมืองลำปาง จำนวน 518 ราย รองลงมาคืออำเภอแม่เมาะ จำนวน 140 ราย เถิน 134 ราย แม่ทะ 125 รายตามลำดับ โดยพบหมู่บ้านที่มีผู้ป่วยไข้เลือดออกรวม 421 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 43.45 ปัจจุบันจังหวัดลำปางจะพบผู้ป่วย 1,300 ราย แต่ละเดือนจะมีผู้ป่วยประมาณ 70 คน แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต
นายแพทย์ สสจ.ลำปางกล่าวอีกว่า การเกิดโรคไข้เลือดออกในพื้นที่จังหวัดลำปางยังคงน่าเป็นห่วง จากการติดตามสถานการร์จะพบว่าผู้ป่วยไม่ลดลง เนื่องจากจะมีผู้ป่วยเกิดขึ้นทีละ 3 อำเภอ กระจายไปทั้งจังหวัด และอยู่นาน โดยจะพบว่าสถิติตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤศจิกายน ส่วนกลุ่มอายุผู้ที่ป่วยจะพบว่าเป็นได้ทุกเพศทุกวัย
“ลำปางยังคงมีผู้ป่วยอยู่อย่างต่อเนื่อง และผู้ป่วยเพิ่มปีเว้นปีที่จะมีผู้ป่วยมากขึ้น ดังนั้นคาดว่าในปี 2560 อาจจะมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม”
ส่วนปัญหาที่พบคือประชาชนยังไม่ตื่นตัวในการป้องกัน โดยจะรอแต่อาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม. ไปคอยดูแลให้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด ประชาชนต้องช่วยกันดูแลบ้านเรือนของตนเอง อย่าให้มีน้ำขัง อย่าให้มีลูกน้ำยุงลาย อย่ารอให้มียุงแล้วมาฉีดพ่นยา เพราะยุงมีภูมิคุ้มกันขึ้นมากทำให้ไม่สามารถที่จะฆ่าให้ตายได้ทั้งหมด
“การช่วยกันกวาดล้างลูกน้ำยุงลายตลอดทั้งปีจะช่วยได้ โดยเฉพาะโรงเรียนและวัด ซึ่งเป็นที่สาธารณะ อยากให้ดูแลเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดไข้เลือดออก”
