xs
xsm
sm
md
lg

6 เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัยรายงานตัว ตร.แล้ว ย้ำหนักแน่นทั้ง “มหาวิทยาลัยและสังคมไทยไม่ใช่ค่ายทหาร”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - 6 นักวิชาการ “เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย” เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ อย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมออกแถลงการณ์ฉบับ 2 ยืนยันหนักแน่น มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร อีกทั้ง “สังคมไทยก็มิใช่ค่ายทหารเช่นเดียวกัน
 
รศ.ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ คณะบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ 1 ในนักวิชาการเครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย เปิดเผยต่อ “MGR ภาคใต้” ว่า วันนี้ (24 พ.ย.) ตนและเพื่อนคณาจารย์มหาวิทยาลัย ซึ่งถูกทหารแจ้งความดำเนินคดีรวม 6 คน ได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาเมื่อเวลา 15.00 น. ที่ สภ.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แล้วเมื่อเสร็จภารกิจก็ได้ออกมาด้านหน้า สภ.ช้างเผือก เพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชนที่รวมตัวกันมาให้กำลังใจนับร้อยคน พร้อมกันนั้น ก็ได้มีการอ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 2 และตอบคำถามสื่อมวลชนด้วย
 

 
สำหรับแถลงการณ์เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย ฉบับที่ 2 ยังคงเป็นเรื่องยืนยัน “มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร” โดยมีเนื้อหา ได้แก่ ภายหลังจากการออกแถลงการณ์ของเครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย ในประเด็นเรื่อง “มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร” ก็ได้มีนายทหารเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาการชุมนุมมั่วสุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ดังเป็นที่รับทราบกันแล้วนั้น ทางเครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย ใคร่ขอชี้แจงถึงความจำเป็น และความสำคัญของเสรีภาพในการแสดงความเห็นอีกครั้ง ดังนี้
 
ประการแรก เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัยขอยืนยันว่า การแถลงการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่มิได้ขัดต่อกฎหมายแต่อย่างใด โดยถือเป็นการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นในประเด็นปัญหาของการจัดการศึกษา อันเป็นภาระหน้าที่โดยตรงของบุคลากรมหาวิทยาลัย การแสดงความเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยการใช้เหตุผลในการชี้แจงให้เห็นถึงความเข้าใจที่ผิดพลาดต่อระบบการศึกษาในมหาวิทยาลัย บนพื้นฐานของการให้ความสำคัญต่อเหตุผล และการถกเถียงระหว่างฝ่ายต่างๆ มิใช่การยัดเยียดความรู้แบบไร้การวิเคราะห์ให้แก่ผู้เรียน
 
ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวก็เป็นการแสดงความเห็นอย่างเปิดเผย และตรงไปตรงมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการสื่อสารต่อสาธารณะให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องต่อการศึกษาในมหาวิทยาลัย การกล่าวหาว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการชุมนุม หรือมั่วสุมทางการเมือง ย่อมถือเป็นความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง ดังจะเห็นได้ว่ามีการประชุมทางวิชาการ และการชี้แจงถึงความเห็นของกลุ่มต่างๆ เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในสังคมไทย ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะทางฝ่ายทหารควรจะต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจให้มากขึ้น เพื่อเข้าใจถึงมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับกันในปัจจุบัน  
 

 
ประการที่สอง เสรีภาพในการแสดงความเห็นเป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญในการดำรงอยู่ร่วมกันของคนทุกกลุ่มในสังคม ทั้งนี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ปกติที่ทุกสังคมย่อมจะมีความเห็นที่แตกต่างกันไปในประเด็นปัญหาต่างๆ การยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างเป็นแนวทางของการทำให้เกิดการถกเถียง การแลกเปลี่ยน และการตรวจสอบถึงความเข้าใจของแต่ละฝ่าย ความคิดเห็นไม่ว่าของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็สามารถที่จะถูกตั้งคำถามเพื่อให้เกิดการชี้แจงถึงข้อมูล และเหตุผลของแนวความคิดที่ตนเองยึดถือ การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยก็ย่อมเป็นไปเพื่อทำให้เกิดการทำความเข้าใจบนฐานของความรู้ที่รอบด้าน และด้วยการใช้เหตุผลในการตัดสินใจเป็นสำคัญ มิใช่เพียงการปฏิบัติตามโดยไม่มีเหตุผลที่ชอบธรรมรองรับ 
 
นอกจากนี้แล้ว เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นก็มิใช่จำกัดไว้เฉพาะพื้นที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น พลเมืองทุกคนในสังคมก็ย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นด้วยเช่นกัน เนื่องจากในห้วงเวลาปัจจุบัน มีการดำเนินนโยบายของรัฐ การร่างรัฐธรรมนูญ การบัญญัติกฎหมาย ซึ่งล้วนแต่มีผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนอย่างกว้างขวาง ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของสังคมทุกคนจึงย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นต่อการดำเนินการต่างๆ เหล่านั้น การคุกคามหรือปิดกั้นเสรีภาพของบุคคลใดๆ เป็นเพียงการกดทับปัญหาเอาไว้  มิได้ช่วยให้เกิดการแก้ไขปัญหา ตลอดจนความขัดแย้งในสังคมอย่างแท้จริง
 
สุดท้ายนี้ เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย ขอยืนยันว่า เสรีภาพในการแสดงความเห็นเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการปกป้อง และมิใช่เพียงสำหรับผู้ประกอบอาชีพอาจารย์เท่านั้น เพราะไม่ใช่แต่เฉพาะมหาวิทยาลัยเท่านั้นที่ไม่ใช่ค่ายทหาร หากแต่สังคมไทยก็มิใช่ค่ายทหารเช่นเดียวกัน ดังนั้น เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของทุกคน และทุกฝ่ายจึงต้องได้รับการปกป้องอย่างเสมอภาค และทัดเทียมกัน
 

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น