ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ชลประทานเชียงใหม่รับสภาพปริมาณน้ำกักเก็บในเขื่อนสำคัญลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ส่อวิกฤตขาดแคลนน้ำช่วงแล้ง เตรียมแผนผันน้ำเข้าฝากเก็บในอ่าง 5 จุดใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่ ปริมาณรวมกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อสำรองไว้กรณีฉุกเฉินสำหรับการอุปโภคบริโภคได้ 30 วัน
นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำกักเก็บของจังหวัดเชียงใหม่มีปริมาณลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเขื่อนใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล และเขื่อนแม่กวงอุดมธารา มีปริมาณน้ำเหลือรวมกันเพียงประมาณ 18% ของความจุอ่างเท่านั้น
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 10 พ.ย. 58 พบว่าเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลมีปริมาณน้ำเหลือประมาณ 70.34 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 26.54% ของความจุอ่าง ส่วนเขื่อนแม่กวงอุดมธารามีปริมาณน้ำเหลือประมาณ 29.68 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 11.29% ของความจุอ่าง
ขณะที่อ่างขนาดกลาง 12 แห่ง มีน้ำรวม 16% และอ่างขนาดเล็กทั้ง 105 แห่งก็มีน้ำเหลือเพียง 21% ซึ่งสาเหตุเนื่องมาจากปริมาณฝนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมากที่สุดในรอบหลายปี และทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีความเสี่ยงอย่างสูงที่จะต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้งที่จะถึงนี้
โดยในการเตรียมการรับมือสถานการณ์ดังกล่าวนั้น เบื้องต้นทางชลประทานได้มีการประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมแผนบริหารจัดการให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งนอกจากการขอความร่วมมือเกษตรกรในการวางแผนการเพาะปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแล้ว
ขณะนี้ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ได้จัดทำโครงการ “ฝากน้ำกิ๋นน้ำใช้ หื้อหมู่เฮาจาวเจียงใหม่” ซึ่งจะทำการผันน้ำจากคลองชลประทานเข้าไปฝากกักเก็บไว้ในพื้นที่รับน้ำ 5 จุด ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่
ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่หยวก, สระน้ำภายในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ที่มีอยู่ 6 สระ, สระน้ำของกองพันสัตว์ต่าง, สระน้ำของกรมทหารราบที่ 7 และสระน้ำของพลรบพิเศษที่ 5 รวมปริมาณน้ำกักเก็บทั้งสิ้นประมาณ 1.09 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อสำรองไว้เป็นน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในช่วงเดือน เม.ย. 59 ของจังหวัดเชียงใหม่ที่คาดว่าจะประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ โดยสามารถสำรองใช้ได้ประมาณ 30 วัน ซึ่งการดำเนินการตามโครงการนี้จะเริ่มและมีการดำเนินการอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 พ.ย. 58
