ฉะเชิงเทรา-ไฟปริศนาลุกไหม้กุฏิวัดเก่าแก่ชื่อดังเมืองแปดริ้ว สูญเสียเรือนไม้ไทยศิลปผสมทรงปั้นหยาโบราณ 1 หลัง ใช้เวลาควบคุมนานเกือบ 1 ชม. พบเครื่องบนเสียหายทั้งหลัง ด้านตำรวจเชื่ออาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เหตุต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นบนขณะที่ไม่มีคนอยู่
วันนี้ (11 พ.ย.58) ร.ต.ท.วงศกร วรรณสมบูรณ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้กุฏิพระภายในวัดแหลมใต้ ตั้งอยู่เลขที่ 78 ถ.สรรค์ประศาสน์ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ
พบเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงที่บริเวณชั้นบนของอาคารไม้รูปทรงโบราณ 2 ชั้น ซึ่งด้านบนเป็นเครื่องไม้แบบทรงปั้นหยา และเป็นที่พักจำวัดของรองเจ้าอาวาสวัด และพระลูกวัดบางรูป
โดยมีรถน้ำดับเพลิงจากเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา จำนวน 4 คัน และเรือยนต์ดับเพลิง จำนวน 1 ลำ กำลังเร่งใช้น้ำฉีดสกัดเพื่อควบคุมเพลิง โดยเจ้าหน้าที่นักผจญเพลิงได้ใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ชม. ทำการระดมฉีดน้ำ จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ แต่เครื่องบนของตัวเรือนซึ่งก่อสร้างด้วยไม้มาตั้งแต่โบราณนั้นได้รับความเสียหายอย่างหนัก จนไม่สามารถที่จะทำการซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้อีกต่อไป
สอบสวน พระณัฐจักร กิตติธฺโร อายุ 51 พรรษา 8 พระลูกวัดซึ่งเป็นผู้พักอาศัยจำวัดอยู่ด้านชั้นบนของเรือนดังกล่าว กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ที่ด้านบนของเรือนไม้ เนื่องจากอาตมาได้ทำการปิดล็อกใส่กุญแจเอาไว้ ก่อนที่จะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่บริเวณตลาดท่าใหญ่ ส่วนที่ชั้นล่างนั้นเป็นที่พักของพระจำลอง เจริญรัตน์ โรจนธมฺโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดแหลมใต้ แต่ได้ติดกิจนิมนต์ออกไปฉันเพลที่ด้านนอกวัดด้วยเช่นเดียวกัน จึงไม่ทราบว่าเกิดเหตุเพลิงไม้ขึ้นได้อย่างไร
ร.ต.ท.วงศกร กล่าวว่า เบื้องต้นเชื่อว่าอาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากขณะเกิดเหตุนั้นไม่มีใครอยู่ในบริเวณชั้นบนของตัวเรือนซึ่งเชื่อว่าเป็นต้นเพลิง เนื่องจากทราบว่าได้มีการเสียบชาร์จโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม จะได้ทำการสอบสวนหารายละเอียดอีกครั้ง เพราะในบริเวณวัดแห่งนี้มีญาติโยม และประชาชนทั่วไปพลุกพล่านเกือบตลอดทั้งวัน โดยเพลิงได้ทำความเสียหายที่ด้านบนของตัวอาคารเกือบหมดทั้งหลัง
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางชาวบ้านหลายคนที่ต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุ ต่างพากันบ่นว่าเสียดายกุฏิหลังเก่าดังกล่าวที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งเป็นเรือนไม้โบราณรูปทรงปั้นหยา ที่อยู่คู่กับวัดแห่งนี้มานานอายุหลายร้อยปีแล้ว โดยที่วัดแห่งนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญของจังหวัด ที่มีเรือนไม้รูปทรงโบราณหลายหลัง เพราะเป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดฉะเชิงเทราอีกแห่งหนึ่งด้วย
