เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – ความช่วยเหลือจากนานาชาติจากสิงคโปร์มาถึงอินโดนีเซียวันเสาร์(10) เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลอินโดนีเซียของประธานาธิบดี ซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน ในการดับไฟป่า และไฟที่เกิดจากการเผาซากซังข้าว ทำให้ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย สบปัญหาจากหมอกควันพิษอย่างหนักของแดนอิเหนาในเวลานี้ หลังก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์ขององค์การวิจัยทางอวกาศสหรัฐฯ นาซ่า เตือนว่า สภาวะเอลนินโญในปีนี้จะทำให้หมอกควันไฟป่าอินโดนีเซียวิกฤตหนักสุดเนื่องมาจากสภาพที่แห้งแล้งเพิ่มมากขึ้น
ซุโตโป ปูร์โว นูโกรห์ (Sutopo Purwo Nugroh) โฆษกสำนักงานจัดการฉุกเฉินแห่งชาติอินโดนีเซียประกาศผ่านแถลงการณ์วันนี้(10)ว่า เฮลิคอปเตอร์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกรุ่นบอร์มบาร์ดิเออร์ (Bombardier) และทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาเลย์ได้เดินทางมาถึงเกาะสุมาตราเมื่อวานนี้(9) เพื่อเริ่มต้นที่จะใช้ระเบิดน้ำในการดับไฟป่าที่ทางใต้ของเกาะสุมาตรา
“ผู้ช่วยเหลือนานาชาติกำลังได้รับการรายงานสรุปในภาพรวมจากผู้อำนวยการสำนักงานจัดการฉุกเฉินแห่งชาติอินโดนีเซียอยู่ในขณะนี้ และการใช้ระเบิดน้ำเพื่อดับไฟป่าจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากนั้น” ซุโตโปแถลง
เอเอฟพีรายงานว่า หมอกควันจากไฟป่าบนเกาะสุมาตราและเกาะกาลิมันตันได้สุรมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นานหลายสัปดาห์ ทำให้หลายพื้นที่มีระดับค่ามลภาวะสูงเกินกว่าค่ามาตรฐานความปลอดภัย และที่สำคัญหมอกควันพิษอินโดนีเซียเหล่านี้ ยังทำให้รัฐบาลสิงคโปร์และมาเลเซีย ต้องประกาศปิดโรงเรียน และยกเลิกกิจกรรมที่จะต้องจัดในที่เปิดโล่ง
ทั้งนี้ในการร่วมแก้ปัญหาไฟป่าอิเหนา รัฐบาลสิงคโปร์สัญญาจะจัดส่งเฮลิคอปเตอร์ชีนุกมาช่วย ซึ่งความสามารถของเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้ อยู่ที่การขนน้ำในถังขนาดใหญ่เพื่อมาดับไฟที่อยู่เบื้องล่างได้ ร่วมกับเครื่องบินลำเลียง เฮอร์คิวสิส C-130 ที่ขนนักผจญเพลิงแดนลอดช่องร่วม 42 ชีวิต
อย่างไรก็ตาม เอเอฟพีชี้ว่า ตามกำหนดเดิมที่ความช่วยเหลือจากสิงคโปร์ต้องมาถึงในวันศุกร์(9) แต่กลับต้องถูกเลื่อนออกไป และเดินทางมาถึงอินโดนีเซียวันนี้(10)แทน เนื่องมาจากสภาพทัศนะวิสัยทางอากาศที่แย่บริเวณท่าอากาศยานท้องถิ่นของสิงคโปร์ ทำให้เป็นอุปสรรคในการเดินทาง
ทั้งนี้เอเอฟพีรายงานว่า รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่จำนวนร่วม 25,000 นาย และยานพาหนะทางอากาศของประเทศ ปฎิบัติการต่อสู้กับไฟป่า แต่ทว่ายังไม่สามารถดับได้เนื่องมาจากความแรงของเปลวไฟ
และนอกจากนี้ยังพบว่า ถึงแม้จะมีปัญหาไฟป่าและหมอกควันพิษจะส่งผลกระทบไปทั่วภูมิภาคที่ผ่านมาหลายสัปดาห์ แต่รัฐบาลของประธานาธิบดี ซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน กลับปฎิเสธอย่างหนักแน่นที่จะไม่รับความช่วยเหลือจากต่างชาติในการแก้ปัญหา จนกระทั่งในท้ายที่สุดไม่กี่วันนี้ เพราะถูกประเทศเพื่อนบ้านกดดันอย่างหนัก จนทำให้ผู้นำอินโดนีเซียต้องยอมตกลงตอบรับความช่วยเหลือ
และหนึ่งในชาติที่เสนอตัวเข้าช่วยผู้นำอิเหนาคือ ออสเตรเลีย โดยทางแคนเบอร์ราประกาศเสนอส่งเครื่องบินดับไฟป่า Lockheed L100 Hercules Air Tanker มายังกรุงจากาตาร์ พร้อมกับคำประกาศจากรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย จูเลีย บิชอป ว่า “ออสเตรเลียมีประสบการณ์อย่างโชกโชนในการดับไฟป่าได้ผล”
อย่างไรก็ตามปัญหาหมอกควันพิษจากไฟป่าอินโดนีเซียมีแนวโน้มที่จะสาหัสมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาจากการคาดการณ์ขององค์การวิจัยอวกาศสหรัฐฯ นาซา ซึ่งเอบีซีนิวส์ ออสเตรเลียรายงานในวันที่ 3 ตุลาคม ล่าสุดว่า ผลจากสภาวะเอลนินโญทำให้อินโดนีเซียมีสภาพแห้งแล้งหนักกว่าที่เคยเป็นมาตามปกติ
โดยนักวิยาศาสตร์สหรัฐฯเชื่อว่า ภาวะหมอกควันพิษที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ จะหนักกว่าในรอบปี 1997 ซึ่งสื่ออสเตรเลียชี้ว่า ความเสียหายจากหมอกควันพิษปกคลุมในภูมิภาคล่าสุดนี้มีไม่ต่ำกว่า 9 พันล้านดอลลาร์
และยังคาดการณ์ว่า สภาวะความแห้งแล้งขยายตัวจะส่งผลทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเผชิญกับหมอกควันพิษที่หนาตัวเพิ่มมากขึ้น
“หมอกควันพิษที่เกิดขึ้นบริเวณทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะสุมาตราและสิงคโปร์ ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในปี 1997” โรเบิร์ต ฟิลด์ (Robert Field) ผู้เชี่ยวชาญประจำมหาวิยาลัยโคลัมเบีย และนักวิทยาศาสตร์นาซ่าแห่งสถาบัน Goddard สำหรับการศึกษาทางอวกาศ ให้ความเห็น
และฟิลด์กล่าวต่อว่า “และเมื่อดูถึงการทำนายสภาวะผลกระทบ หากในกรณีที่ภาวะแห้งแล้งต้องยาวนานออกไป พบว่า หมอกควันพิษที่เกิดขึ้นในปี 2015 จะถูกจัดว่าสาหัสมากที่สุดท่ามกลางบรรดาวิกฤตหมอกควันพิษที่เคยเกิดขึ้นมา”