xs
xsm
sm
md
lg

นักดาราศาสตร์วิเคราะห์ 3 แนวทางที่มาลูกไฟหล่นจากนอกโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต นักดาราศาสตร์ภูมิปัญญาชาวบ้านวิเคราะห์ 3 แนวทาง ที่มาลูกไฟหล่นจากนอกโลก
ฉะเชิงเทรา - นักดาราศาสตร์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ปรึกษา NARIT หอดูดาวประจำภูมิภาควิเคราะห์ 3 แนวทางที่มาของลูกไฟวาบหล่นลงจากฟากฟ้า พร้อมแนะให้คนไทยช่วยกันแหงนสังเกตการณ์บนท้องฟ้าช่วงพลบค่ำ เชื่ออาจมีโอกาสได้เห็นอีก ขณะชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ตื่นเต้นแปลกประหลาดแบบประทับใจที่สุดในชีวิต



วันนี้ (3 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต นักดาราศาสตร์ภูมิปัญญาชาวบ้าน และที่ปรึกษาหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ประจำภูมิภาค อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงปรากฏการณ์ลูกไฟจากนอกโลกพุ่งลงมาจากฟากฟ้า หรือไฟร์บอล เมื่อช่วงหัวค่ำ (20.40) ของเมื่อคืนที่ผ่านมา จนมีผู้คนได้เห็นปรากฏการณ์กันเป็นจำนวนมากเกือบทั่วทั้งประเทศว่า การวิเคราะห์แหล่งที่มานั้นสามารถวิเคราะห์ได้ 3 แนวทาง

คือ หนึ่งไฟร์บอลที่มานั้นเป็นลูกไฟที่มาแบบลูกเดียวโดดๆ คล้ายกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 7 ก.ย.58 แต่ในครั้งนี้ลูกไฟเป็นสีเขียว ซึ่งเกิดจากตัวเนื้อของอุกกาบาต หรือดาวตกลูกนี้ที่น่าจะประกอบไปด้วยแมกนีเซียมเป็นส่วนมาก

ส่วนการวิเคราะห์ในด้านที่สองนั้น เนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ต.ค.58 ที่ผ่านมานั้น ได้มีดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่ง (Asteroid 2015 TB145) ได้โคจรเฉียดโลกไปในระยะใกล้ (499,000 กม.) จึงอาจเป็นชุดเดียวกันที่ตกมายังโลก เพราะว่ามีหลายประเทศที่เห็นปรากฏการณ์ลักษณะนี้ และยังมีสีที่เขียวคล้ายกันอีกด้วย เช่น ที่ประเทศอิตาลี และโปแลนด์ ซึ่งได้เห็นปรากฏการณ์ลักษณะนี้ไปเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 1 พ.ย.58 ที่ผ่านมา ซึ่งก็อาจจะใช่ว่าเป็นกลุ่มดาวชุดเดียวกันนี้

ส่วนการวิเคราะห์แนวทางที่ 3 นั้น เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงพีกสูงสุดของฝนดาวตกทอริดส์ หรือฝนดาวตกในกลุ่มดาววัว ซึ่งฝนดาวตกในกลุ่มดาววัวนี้กำเนิดมาจากดาวหางเอ็นเก้ โดยการตกของดาวกลุ่มนี้จะมีช่วงพีกระหว่างวันที่ 1 พ.ย.-15 พ.ย.ในทุกๆ ปี แต่ลูกไฟจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่จะมีช่วงที่มีลูกใหญ่คือราว 5 ปี และ 15 ปี ก็จะมีลูกใหญ่ที่อาจจะตกลงมาได้ โดยอาจจะเกิดขึ้นได้จากสาเหตุที่มีบางอย่างไปกระทบกับวงโคจรของเศษฝุ่นเหล่านี้จึงทำให้เกิดมีดาวตกลูกใหญ่ๆ ตกลงมา
น.ส.น้ำผึ้ง สืบสังข์ ตื่นเต้นแปลกประหลาดแบบประทับใจที่สุดในชีวิต
สำหรับดาวตกเมื่อช่วงค่ำวานนี้เห็นกันทั่วประเทศจากหลายๆ จังหวัด จึงคาดว่าจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงมากพอสมควร หรือประมาณ 90 กม.ขึ้นไป โดยมีลูกขนาดใหญ่มากจึงมองเห็นกันได้ทั่วท้องฟ้า การวิเคราะห์จึงเห็นว่าใน 3 แนวทางนี้อาจจะเป็นไปได้มากที่สุด โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ไทย ก็จะต้องดำเนินการวิเคราะห์ต่อไปเพื่อที่จะหาขนาด และตำแหน่งที่มาของไฟร์บอลลูกนี้ที่ชัดเจนขึ้น

ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้ยินเสียงการระเบิดนั้นเป็นเพราะว่า การระเบิดนั้นอยู่ในตำแหน่งที่สูงมาก ส่วนลูกไฟ หรืออุกกาบาตที่ตกเมื่อครั้งที่แล้วนั้น เชื่อว่าตกใน จ.กาญจนบุรี อย่างแน่นอน เพราะอยู่ในตำแหน่งต่ำจนคนในแถบ จ.กาญจนบุรี ได้ยินเสียง แต่ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ยินเสียง ซึ่งเชื่อว่าอุกกาบาตลูกที่แล้วมีขนาดน้ำหนัก 66 ตัน หรือขนาดเท่ากับรถเก๋ง และมีมวลที่แน่นมาก ซึ่งหากเป็นช่วงกลางคืนก็จะสว่างมากเหมือนอย่างในครั้งนี้ เนื่องจากเกิดปรากฏการณ์ในเวลากลางวันยังสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

โดยการระเบิดเมื่อครั้งที่แล้วอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 35-39 กม. แต่อันนี้อยู่ในระดับที่สูงมากกว่า และเป็นลูกไฟคนละสีกัน โดยในครั้งนี้เป็นสีเขียว แต่เมื่อครั้งที่แล้วนั้นเป็นสีเหลืองอมส้ม ซึ่งน่าจะมีองค์ประกอบด้วยธาตุโซเดียม

“ต้องคอยช่วยกันสังเกตการณ์ดูว่า ในช่วงพีกของฝนดาวตกทอริดส์นั้น จะมีลูกไฟใหญ่ๆ ตกตามลงมาอีกหรือไม่ โดยถ้าไม่มีลูกไฟที่เห็นกันเมื่อวานนี้ก็อาจจะไม่ใช่ฝนดาวตกทอริดส์ แต่ถ้ามีก็อาจจะใช่ ก็เป็นการเก็บข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ในโอกาสข้องหน้าต่อไป จึงต้องขอให้ประชาชนทั่วไปได้ช่วยกันสังเกตดูเหนือท้องฟ้าในช่วงพลบค่ำก่อนเที่ยงคืน ระหว่าง 1-15 พ.ย.58 นี้ ซึ่งจะเป็นช่วงของฝนดาวตกจากกลุ่มดาววัว” นายวรวิทย์ กล่าว

ด้าน น.ส.น้ำผึ้ง สืบสังข์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 ม.2 ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ผู้เห็นปรากฏการณ์ลูกไฟตกจากท้องฟ้าเมื่อช่วงหัวค่ำของเมื่อคืนที่ผ่านมา กล่าวว่า ขณะกำลังนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์เดินทางกลับมาจากบ้านของพี่สาวในเขตพื้นที่บ้านในบน ต.สระสี่เหลี่ยม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ระหว่างทางก่อนจะถึงบ้านประมาณ 2 กม.ได้สังเกตเห็นลูกไฟลุกวาบขึ้นบนท้องฟ้าด้านซ้ายมือขณะกำลังเดินทางกลับบ้าน (ทิศตะวันตก) มุมขอบฟ้าเหนือหางตาด้านซ้าย (ประมาณ 45 องศา)

สำหรับลูกไฟดังกล่าวมีลักษณะของการพุ่งเป็นทางยาวต่อเนื่องกันถึง 3 ชั้น คือ ครั้งแรกลูกไฟลุกสว่างวาบเป็นสีส้มก่อน จากนั้นจึงสว่างวาบเป็นสีชมพู และตามด้วยสีเขียวอมฟ้า ซึ่งครั้งแรกเข้าใจว่ามีคนจุดพลุ แต่แล้วก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้ยินเสียงพลุระเบิด และท้องฟ้ายังมีความสว่างมากกว่า คือ สว่างทั่วทั้งท้องฟ้า จึงได้จอดรถชวนสามี และลูก รวม 4 คน หยุดรถดู จนมาทราบภายหลังว่า เป็นปรากฏการณ์ดาวตก จึงถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตที่ได้มีโอกาสเห็น เพราะไม่เคยประสบเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อนจึงตื่นเต้นมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น