ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติฯ เผยข้อมูลจากกล้องสังเกตการณ์ของ NASA ระบุความเป็นไปได้สูงที่ ลูกไฟที่พุ่งตกลงมาจากท้องฟ้าสว่างวาบมองเห็นได้หลายพื้นที่ทั่วไทยคืนวานนี้ (2 พ.ย. 58) อาจเป็นแค่เพียงฝนดาวตกทอริดส์ (Taurids) ย้ำเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า แต่ยืนยันมีโอกาสน้อยมากที่จะส่งผลกระทบต่อโลก
วันนี้ (3 พ.ย. 58) รองศาสตราจารย์ ดร.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีลูกไฟ หรือไฟร์บอล (Fireball) ที่พุ่งตกลงมาจากท้องฟ้าเห็นเป็นลำแสงสว่างวาบในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยว่า จากข้อมูลที่ได้จากกล้องสังเกตการณ์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) หรือนาซ่า ของสหรัฐอเมริกา มีความเป็นไปได้ที่ลูกไฟดังกล่าวอาจจะมาจากฝนดาวตกทอริดส์ (Taurids)
โดยวานนี้ (2 พ.ย. 58) กล้องสามารถตรวจพบวัตถุจากอวกาศที่ตกเข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลก 37 ครั้ง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นของฝนดาวตกดังกล่าวที่กำลังเกิดปรากฏการณ์ขึ้นในระหว่างวันที่ 20 ต.ค. 58-10 พ.ย. 58 และบางส่วนที่ไม่สามารถระบุที่มาได้ ทั้งนี้ ปกติฝนดาวตกดังกล่าวสามารถมองเห็นได้หากท้องฟ้าโปร่ง โดยจะเห็นเป็นเส้นสว่างขนาดเล็ก รวมทั้งสามารถมองเห็นเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วย
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) บอกว่า ปกติลูกไฟจะไม่ค่อยมีขนาดใหญ่มากนัก อย่างไรก็ตามยอมรับว่าในครั้งนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร และเบื้องต้นเข้าใจว่าน่าจะเกิดการเสียดสีเผาไหม้จนหมดก่อนที่จะตกถึงพื้นโลกแล้ว ขณะเดียวกัน ยอมรับว่าการเกิดปรากฏการณ์ลูกไฟขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ในประเทศไทย 2 ครั้งในระยะเวลาที่ไม่ห่างกันนัก คือเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 58
ล่าสุดคืนวันที่ 2 พ.ย. 58 ถือว่ามีความถี่พอสมควร แต่ทั้ง 2 ครั้งก็ยังไม่มีหลักฐานที่ระบุชี้ชัดลงไปได้ว่ามีการตกลงมาถึงพื้นแล้วก่อให้เกิดผลกระทบและเป็นอันตรายใดๆ ทั้งนี้ การเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้จนกว่าจะเกิดปรากฏการณ์ให้เห็น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ปกติและมีโอกาสน้อยมากที่จะส่งผลกระทบต่อโลกเพราะส่วนใหญ่จะถูกเสียดสีเผาไหม้จนหมดก่อนถึงพื้นโลก จึงขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก