พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีเกษตรกร จ.กาญจนบุรี แสดงความไม่พอใจรัฐบาลที่ขอให้งดทำนาปรัง เนื่องจากน้ำมีปริมาณไม่เพียงพอนั้น รัฐบาลขอเรียนว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ประเทศไทยและอีกหลายประเทศได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทำให้ฝนตกน้อยกว่าทุกปี หลายพื้นที่เกิดความแห้งแล้ง และคาดว่าจะแล้งหนักในปีหน้า ปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่มีน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ส่งผลกระทบต่อการปลูกพืช โดยเฉพาะข้าวในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลาง
รัฐบาลจึงขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรทุกจังหวัดที่ปลูกข้าว ไม่เฉพาะแต่ จ.กาญจนบุรี หันไปปลูกพืชชนิดอื่นแทนโดยความสมัครใจ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือ พืชตระกูลถั่ว เพื่อลดความเสี่ยงของเกษตรกรเอง เนื่องจากใช้น้ำน้อยกว่าได้ราคาที่คุ้มค่า และรัฐบาลเองก็จะช่วยหาตลาดรองรับ ไม่ใช่สั่งให้งดการปลูกข้าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีความเป็นห่วงพี่น้องเกษตรกรชาวนาทุกพื้นที่ เพราะหากฝืนธรรมชาติที่จะทำนาปรัง ในที่สุดก็จะไม่มีน้ำเพียงพอ ข้าวที่ปลูกจะได้รับความเสียหาย หากรัฐคอยแต่จะชดเชยเงินเพื่อช่วยเหลือข้าวที่ยืนต้นตาย ก็จะเป็นช่วยเหลือที่ไม่ตรงกับปัญหา หรือหากมุ่งแต่จะส่งน้ำในเขื่อนที่มีอยู่อย่างจำกัดมาช่วย ก็ส่งผลกระทบต่อน้ำกินน้ำใช้ของประชาชนในภาคกลางทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญกว่าในการดำรงชีวิต ในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรมาโดยตลอด ไม่เคยทอดทิ้ง โดยได้อนุมัติงบประมาณหลายแสนล้านบาท เพื่อขุดบ่อบาดาลทั่วประเทศ จ้างงานเกษตรกรที่ประสบปัญหา ซื้อถังน้ำช่วยเหลือภาคการเกษตร ทำฝนหลวง และจ่ายเงินชดเชยกรณีที่เกษตรกรได้รับความเสียหาย ซึ่งถือเป็นการเบิกจ่ายสูงที่สุด เมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา โดยอยากให้ประชาชนเข้าใจในความตั้งใจจริงของรัฐบาล และอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่บิดเบือนจากคนบางกลุ่มที่ต้องการให้ร้ายรัฐบาล
ปัจจุบันรัฐบาลมีภาระด้านงบประมาณหลายเรื่อง ต้องส่งเสริมสนับสนุนพี่น้องประชาชนทุกสาขาอาชีพ ให้มีความเข้มแข็งสามารถสร้างงานสร้างรายได้ วางโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทั้งภายใน และภายนอกประเทศ เพราะที่ผ่านมาประเทศเสียหายไปมาก มีหนี้สาธารณะที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวนมาก งบประมาณถูกนำไปใช้จ่ายเงินค่าข้าวล่วงหน้า และเกิดภาวะขาดทุน เกษตรกรหลายกลุ่มประชาชนหลายอาชีพเดือดร้อน ราคาข้าวในตลาดโลกขณะนี้ยังต่ำอยู่ตามสภาวะเศรษฐกิจ และมีการแข่งขันสูง ส่วนข้าวจากการรับจำนำของรัฐบาลที่แล้วยังอยู่ในสต็อกอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีคุณภาพต่ำ และขายไม่ได้ราคา รัฐเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้า ทั้งหมดนี้รัฐบาลต้องแบกรับภาระในการแก้ไข
"นายกฯ ไม่ได้หวังผลทางการเมือง และทำงานทุกอย่างเพื่อคนทุกกลุ่ม โดยเฉลี่ยแบ่งปันกัน มิฉะนั้นประเทศจะเดินหน้าไม่ได้ ประชาชนต้องเข้าใจว่าการจะหลุดพ้นจากความยากจน และปัญหาหนี้สิน จะต้องไม่นำเงินในอนาคตมาใช้ แต่ต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้คนมีรายได้เพิ่มก่อน จากนั้นจึงใช้เงินอย่างรู้คุณค่า รัฐบาล และคสช.เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ไม่ต้องการให้ประชาชนเดือดร้อน และขอให้ประชาชนที่เข้าใจช่วยอธิบายกันต่อๆว่า ที่ผ่านมาเราแก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด หากยังยึดแนวทางแก้ปัญหาแบบเดิมๆระบบการเงินการคลังของประเทศจะเสียหายและล่มสลายในที่สุด จึงขอให้คนไทยอดทน เชื่อมั่นในคำแนะนำของรัฐบาล และมีความหวังที่จะก้าวผ่านปัญหาต่างๆร่วมกัน" โฆษกรัฐบาล กล่าว
รัฐบาลจึงขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรทุกจังหวัดที่ปลูกข้าว ไม่เฉพาะแต่ จ.กาญจนบุรี หันไปปลูกพืชชนิดอื่นแทนโดยความสมัครใจ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือ พืชตระกูลถั่ว เพื่อลดความเสี่ยงของเกษตรกรเอง เนื่องจากใช้น้ำน้อยกว่าได้ราคาที่คุ้มค่า และรัฐบาลเองก็จะช่วยหาตลาดรองรับ ไม่ใช่สั่งให้งดการปลูกข้าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีความเป็นห่วงพี่น้องเกษตรกรชาวนาทุกพื้นที่ เพราะหากฝืนธรรมชาติที่จะทำนาปรัง ในที่สุดก็จะไม่มีน้ำเพียงพอ ข้าวที่ปลูกจะได้รับความเสียหาย หากรัฐคอยแต่จะชดเชยเงินเพื่อช่วยเหลือข้าวที่ยืนต้นตาย ก็จะเป็นช่วยเหลือที่ไม่ตรงกับปัญหา หรือหากมุ่งแต่จะส่งน้ำในเขื่อนที่มีอยู่อย่างจำกัดมาช่วย ก็ส่งผลกระทบต่อน้ำกินน้ำใช้ของประชาชนในภาคกลางทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญกว่าในการดำรงชีวิต ในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรมาโดยตลอด ไม่เคยทอดทิ้ง โดยได้อนุมัติงบประมาณหลายแสนล้านบาท เพื่อขุดบ่อบาดาลทั่วประเทศ จ้างงานเกษตรกรที่ประสบปัญหา ซื้อถังน้ำช่วยเหลือภาคการเกษตร ทำฝนหลวง และจ่ายเงินชดเชยกรณีที่เกษตรกรได้รับความเสียหาย ซึ่งถือเป็นการเบิกจ่ายสูงที่สุด เมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา โดยอยากให้ประชาชนเข้าใจในความตั้งใจจริงของรัฐบาล และอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่บิดเบือนจากคนบางกลุ่มที่ต้องการให้ร้ายรัฐบาล
ปัจจุบันรัฐบาลมีภาระด้านงบประมาณหลายเรื่อง ต้องส่งเสริมสนับสนุนพี่น้องประชาชนทุกสาขาอาชีพ ให้มีความเข้มแข็งสามารถสร้างงานสร้างรายได้ วางโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทั้งภายใน และภายนอกประเทศ เพราะที่ผ่านมาประเทศเสียหายไปมาก มีหนี้สาธารณะที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวนมาก งบประมาณถูกนำไปใช้จ่ายเงินค่าข้าวล่วงหน้า และเกิดภาวะขาดทุน เกษตรกรหลายกลุ่มประชาชนหลายอาชีพเดือดร้อน ราคาข้าวในตลาดโลกขณะนี้ยังต่ำอยู่ตามสภาวะเศรษฐกิจ และมีการแข่งขันสูง ส่วนข้าวจากการรับจำนำของรัฐบาลที่แล้วยังอยู่ในสต็อกอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีคุณภาพต่ำ และขายไม่ได้ราคา รัฐเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้า ทั้งหมดนี้รัฐบาลต้องแบกรับภาระในการแก้ไข
"นายกฯ ไม่ได้หวังผลทางการเมือง และทำงานทุกอย่างเพื่อคนทุกกลุ่ม โดยเฉลี่ยแบ่งปันกัน มิฉะนั้นประเทศจะเดินหน้าไม่ได้ ประชาชนต้องเข้าใจว่าการจะหลุดพ้นจากความยากจน และปัญหาหนี้สิน จะต้องไม่นำเงินในอนาคตมาใช้ แต่ต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้คนมีรายได้เพิ่มก่อน จากนั้นจึงใช้เงินอย่างรู้คุณค่า รัฐบาล และคสช.เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ไม่ต้องการให้ประชาชนเดือดร้อน และขอให้ประชาชนที่เข้าใจช่วยอธิบายกันต่อๆว่า ที่ผ่านมาเราแก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด หากยังยึดแนวทางแก้ปัญหาแบบเดิมๆระบบการเงินการคลังของประเทศจะเสียหายและล่มสลายในที่สุด จึงขอให้คนไทยอดทน เชื่อมั่นในคำแนะนำของรัฐบาล และมีความหวังที่จะก้าวผ่านปัญหาต่างๆร่วมกัน" โฆษกรัฐบาล กล่าว