ศูนย์ข่าวศรีราชา - ทะเลบางแสน-อ่างศิลา กว่า 10 กิโลเมตร เกิดแพลงก์ตอนบูม 5 รอบในรอบ 2 เดือน หนักกว่าที่คิด ล่าสุด น้ำทะเลมีสีดำมากกว่าทุกครั้ง ปลาตาย งดเล่นน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา บริเวณทะเลชายหาดบางแสน อ.เมือง จ.ชลบุรี เรื่อยไปจนถึงทะเลชายหาดวอนนภา ไปจนถึงทะเลอ่างศิลา ระยะทางยาวกว่า 10 กม.เกิดปรากฏการณ์ “ขี้ปลาวาฬ” หรือแพลงก์ตอนบูม ทำให้น้ำทะเลมีสีเขียวคล้ำจนจะกลายเป็นดำ ส่งเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว พร้อมกับมีปลาขนาดเล็ก และสัตว์น้ำตายเกยตื้นเป็นจำนวนมาก เนื่องจากน้ำทะเลขาดออกซิเจน ยังมีขยะประเภทเศษถุงพลาสติก โฟม กระดาษนานาชนิดเกลื่อนทะเล มาเกยตื้นบนชายหาด ทำให้ดูสกปรก ซึ่งปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้เกิดขึ้นทุกปีในช่วงหน้าฝน
นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข ต้องระดมเทศกิจพนักงานทำความสะอาดเก็บซากสัตว์น้ำ และปลาตาย รวมทั้งขยะกันตั้งแต่เช้ามืดที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่หมดเพราะเศษขยะจะลอยเข้าฝั่งมาเป็นระยะๆ
ทั้งนี้ ทางเทศบาลเมืองแสนสุข ได้มีการประชาสัมพันธ์เสียงตามสาย แนะนำให้งดลงเล่นน้ำทะเลเพราะอาจเกิดอาการแพ้ได้ โดยทางเทศบาลฯ จะทิ้ง EM Ball เพื่อปรับสภาพน้ำคาดว่าปรากฏการณ์นี้จะทุเลาขึ้นในอีก 3-4 วันข้างหน้า โดยในครั้งนี้น้ำเปลี่ยนสีเขียวคล้ำจนจะดำ ซึ่งถือว่ารุนแรง และเกิดเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่ามากกว่าทุกปี
ดร.เสาวภา สวัสดิ์พีระ ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลมหาวิทยาลัย บูรพา เผยว่าปรากฏการณ์ธรรมชาติน้ำทะเลเปลี่ยนสีในครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา สาเหตุน่าจะมาจากวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ฝนตกอย่างหนักในพื้นที่ชายหาดบางแสน และทะเลข้างเคียง พอฝนหยุดตกแสงแดดร้อนแรง ก็ทำให้แพลงก์ตอนโตเร็วมาก พอเช้าวันที่ 2 ก.ย. คือวานนี้ ก็เลยเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นเป็นแพลงก์ตอนชนิดเรืองแสงสีเขียว ซึ่งมีอันตรายน้อยกว่า 2 ชนิดที่เหลือ แต่ก็เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำในทะเลเช่นกัน
เนื่องจากมีการขยายตัวได้เร็วกว่าชนิดอื่น โดยเฉพาะเมื่อได้รับแสงอาทิตย์ พอหมดแสงอาทิตย์ เมื่อไรก็จะแย่งออกซิเจนในน้ำจนทำให้พืช และสัตว์เล็กหน้าดินตาย เพราะขาดอากาศหายใจ คาดว่าอีก 3-4 วัน น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และขอเตือนประชาชนห้ามนำปลาที่เก็บไปทำเป็นปลาหมัก หรือปลาร้า เพราะซากปลาเหล่านี้มีเชื้อแบคทีเรียที่เสี่ยงต่ออาหารเป็นพิษมากอยู่แล้ว
