ราชบุรี - เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี นำกำลังออกตามล่าพรานป่าหลังแอบขึ้นไปล่ากระทิงในป่ารอยต่อระหว่างบ้านคา และอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แล้วนำเนื้อมาขายในหมู่บ้าน ส่วนหัวนำไปทิ้งไว้ในฝายน้ำล้น
เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (1 พ.ย.) นายวายุกฤช ศรีสุนนท์ พนักงานพิทักษ์ป่า ระดับ 2 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี จ.ราชบุรี ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ออกค้นหาซากหัวกระทิงที่บริเวณฝายน้ำล้น บ้านลำบัวทอง หมู่ 7 ต.บ้านคา อ.บ้านคา จ.ราชบุรี และตามล่าพรานป่า หลังมีชาวบ้านให้เบาะแสมาว่า มีพรานป่าแอบขึ้นไปยิงกระทิงที่บริเวณป่ารอยต่อระหว่างบ้านคา และอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี แล้วนำเนื้อมาขายในหมู่บ้าน ส่วนหัวนั้นได้นำมาทิ้งไว้ในฝายน้ำล้นแห่งนี้ แต่การค้นหาในเบื้องต้นนั้นยังไม่พบเนื่องจากฝายน้ำล้นมีพื้นที่กว้าง
นายวายุกฤช ศรีสุนนท์ พนักงานพิทักษ์ป่า ระดับ 2 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี จ.ราชบุรี กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า มีนายพรานกลุ่มหนึ่งได้แอบลักลอบขึ้นไปยิงสัตว์ป่าแล้วนำเนื้อลงมาขายให้แก่ชาวบ้าน จึงได้สนธิกำลังร่วมกับตำรวจ สภ.บ้านคา ทหาร และฝ่ายปกครองอำเภอบ้านคา ขึ้นไปตรวจสอบที่บริเวณป่าซึ่งอยู่ไม่ห่างจากฝายน้ำล้นเท่าไรนัก
จากการตรวจค้นพบอาวุธปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 2 กระบอกซุกซ่อนอยู่ในพงหญ้า โทรศัพท์มือถือพร้อมที่ชาร์จ ถุงย่ามใส่เสื้อผ้า รองเท้าแตะ รวมทั้งเศษชิ้นเนื้อซึ่งเป็นชิ้นเนื้อของสัตว์ป่า แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นกระทิง หรือวัวแดง ซึ่งสัตว์ทั้ง 2 ชนิดนี้พบมากในบริเวณป่าแถบนี้เพราะยังเป็นป่าที่สมบูรณ์อยู่ จึงได้ส่งชิ้นเนื้อไปตรวจพิสูจน์ว่าเป็นกระทิง หรือวัวแดง คาดว่าจะรู้ผลคาดในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ และขณะนี้ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.บ้านคา เพื่อดำเนินคดีต่อพรานเหล่านี้แล้ว
“แต่ส่วนหัวนั้นได้รับแจ้งว่า พรานได้นำมาทิ้งที่ฝายน้ำล้นเพื่อให้เนื้อนั้นเกิดการเน่า และเป็นอาหารของปลา เนื่องจากถ้าทิ้งไว้บนบกจะเกิดกลิ่นเหม็นเน่า ก่อนจะมานำเอากระดูกส่วนหัวที่เหลือไปขาย ซึ่งจะมีราคาแพงมาก แต่ในเบื้องต้นนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นกระทิง หรือวัวแดง และไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าชนิดใดก็มีความผิด เนื่องจากสัตว์ป่าทั้ง 2 นั้นเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ห้ามล่าและห้ามกิน แต่ที่ผ่านมา ก็มีคนแอบขึ้นไปล่า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เข้มงวดกวดขันในการจับกุมตลอด เพื่อไม่ให้สัตว์ป่าที่นับวันจะหายากได้สูญพันธุ์ไป”
