พิษณุโลก - พี่ชาย และน้องรับศพ “เสี่ยอู๊ด” กลับบ้านเกิดแล้ว เผยก่อนตายเคยไปหาน้องพร้อมสั่งเสียไว้ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริง ขณะที่คนสนิทยัน “เสี่ยอู๊ด” ไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่รับเคยหยุดกินยารักษาโรคประจำตัวจนต้องกลับเข้า รพ.
วันนี้ (31 ต.ค.) นายชวลิต บุญฉิม พี่ชายคนโต และนายธวัชชัย บุญฉิม น้องของ “เสี่ยอู๊ด” หรือนายสิทธิกร บุญฉิม นักสร้างพระชื่อดังที่เสียชีวิตในโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองพิษณุโลก เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาติดต่อรับศพ “เสี่ยอู๊ด” ที่ห้องเก็บศพโรงพยาบาลพุทธชินราช อ.เมืองพิษณุโลก เพื่อนำกลับกลับบ้านเกิด จ.ระยอง
นายชวลิต พี่ชายคนโตของเสี่ยอู๊ด ที่อยู่ในการอาการเสียใจ กล่าวเพียงว่า เสี่ยอู๊ด เป็นน้องชายคนที่ 3 จากพี่น้องทั้งหมด 5 คน ทราบข่าวน้องเสียชีวิตก็เดินทางจากระยองมาพิษณุโลก เห็นสภาพน้องแล้วรับไม่ได้ ที่ผ่านมา เสี่ยอู๊ด ห่างกับพี่น้องไปนาน วันนี้จะนำร่างน้องกลับไปที่บ้านเกิด ส่วนจะดำเนินการพิธีศพอย่างไรก็จะปรึกษาญาติก่อน แต่ก็บำเพ็ญกุศลตามประเพณี
ทั้งนี้ ได้มีการนำร่าง “เสี่ยอู๊ด” ใส่โลง และนำขึ้นรถกู้ภัยข่าวภาพพิษณุโลก ที่อาสานำรถขนร่างเสี่ยอู๊ด ไปส่งที่วัดสุวรรณรังสรรค์ หรือวัดยายร้า ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิด และเป็นวัดที่เก็บอัฐิของพ่อแม่ “เสี่ยอู๊ด”
ด้าน นางดารุณ คงทรัตน์ (อาจารย์ตุ๊กแก) หัวหน้างานแนะแนวโรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยา ที่สนิทกับเสี่ยอู๊ด และเดินทางมารับศพ “เสี่ยอู๊ด” พร้อมลูกชายคือ นายเปียโน คงทรัตน์ บอกว่า ตนรู้จักเสี่ยอู๊ด ในงานทอดกฐินที่วัดยายร้า อ.บ้านฉาง ตั้งแต่ปี 2546 จากนั้นได้ร่วมงานต่างๆ
อาจารย์ตุ๊กแก บอกว่า นายสิทธิกร หรือเสี่ยอู๊ด ทำกิจกรรมเพื่อสังคมจำนวนมาก เช่น มอบทุนการศึกษาให้นักเรียน ร.ร.บ้านฉาง ให้การสนับสนุนทุนตั้งแต่ ม.ต้น จนถึงมหาวิทยาลัย ไปแล้ว 57 ทุน และทำมาอย่างต่อเนื่อง อยากให้สังคมมองด้านความดีของคุณสิทธิกร ที่ได้บริจาคเงินเพื่อการกุศลจำนวนมากบ้าง แม้ถูกจองจำในคุก
นายเปียโน คงทรัตน์ อายุ 24 ปี คนสนิทเสี่ยอู๊ด เปิดเผยว่า ตนพูดคุยทางไลน์กับนายสิทธิกร เป็นประจำ ครั้งสุดท้ายคุยไลน์กันเมื่อ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา นายสิทธิกร ไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งตามที่พบถุงยาศูนย์มะเร็ง รพ.ลพบุรี เพียงแต่นายสิทธิกร บริจาคเงิน
“เสี่ยอู๊ด ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ตามมาด้วยโรคความดัน น้ำตาลในเลือดสูง เบาหวาน ตนมีอาชีพขายประกันชีวิตให้แก่บริษัทประกันแห่งหนึ่ง ได้สอบถามข้อมูลกระทั่งทราบว่า เสี่ยอู๊ด ทำประกันไม่ได้ กระทั่งกันยายนที่ผ่านมา เสี่ยอู๊ด หยุดกินยาที่รักษาโรคประจำตัวจนถึงกลับเข้านอนรักษาตัวในโรงพยาบาลมาแล้ว โดยบอกแก่ตนว่า หยุดกินยา ดังนั้น จึงไม่เชื่อว่า เสี่ยอู๊ดจะฆ่าตัวตายเพียงแค่หยุดกินยารักษาโรคประจำตัวเท่านั้น”
ด้าน ร.ต.ท.อำนาจ อ่อนปาน ร้อยเวรเจ้าของคดีเปิดเผยว่า น้องชายนายสิทธิกร บุญฉิม คือ นายธวัชชัย บุญฉิม อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ 5 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ได้นำหลักฐานเอกสารการสั่งเสียของนายสิทธิกร มาแสดงต่อพนักงานสอบสวน
โดยก่อนเกิดเหตุ นายสิทธิกร ได้กลับภูมิลำเนาไปหานายธวัชชัย เมื่อต้นเมื่อต้นเดือนตุลาคม 58 ที่ผ่านมา และได้สั่งเสียทำนองว่า เตรียมตัวตายสั่งห้ามนำศพกลับ ซึ่งเดิมก็คิดว่าเป็นการพูดเล่นๆ เมื่อนำใบสั่งเสียมาเทียบกับเอกสารที่เขียนในห้องพักโรงแรมที่เกิดเหตุ พบเป็นลายมือเดียวกัน และน้องชายยืนยันเป็นลายมือของนายสิทธิกร พี่ชายของตนเอง ส่วนเรื่องการเสียชีวิตน้องชายไม่ได้ติดใจเหตุการณ์เสียชีวิต เพราะไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายใดๆ
ส่วนแนวทางการสอบสวนของตำรวจ และแพทย์เป็นแนวทางเดียวกัน แต่ยังต้องรอผลการชันสูตรยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง ขณะที่เรื่องอาการป่วยนั้น นายสิทธิกร ไม่ได้เป็นโรคมะเร็ง แต่ป่วยเป็นโรคเลือดเลี้ยงสมองไม่พอ โรคความดัน และโรคเบาหวาน แต่ไปรักษาตัวที่ศูนย์รักษาโรคมะเร็งลพบุรี อีกทั้ง นายสิทธิกร อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง นับตั้งแต่ออกจากเรือนจำก็เดินทางไปหลายแห่ง แต่ตลอดเวลาก็มีการคุยกับน้องชายคนนี้ตลอด และก่อนเสียชีวิตยังเล่นไลน์กับน้องชาย จนยาออกฤทธิ์แล้วก็ฟุบไป โดยที่น้องชายก็ไม่ทราบว่าเสียชีวิต