ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - มูลนิธิสว่างเมตตาโคราชแจงหนุ่มกู้ภัยค้ายาบ้าผ่านเฟซบุ๊กเป็นแค่อดีต ถูกไล่ออกนานแล้วแต่ยังแอบอ้างมูลนิธิฯ หากินอย่างผิดกฎหมาย เผยสว่างเมตตาเป็นมูลนิธิสีขาวมานานร่วม 60 ปี ไม่เคยมีประวัติเสีย ย้ำอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดและไม่ทำผิดกฎหมาย เตรียมแจ้งความเอาผิด
วันนี้ (5 ต.ค.) ที่มูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถาน นครราชสีมา ถ.โยธา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุเทพ ณัฐกานต์กนก ผู้อำนวยการสำนักงานมูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถาน รักษาการหัวหน้าฝ่ายชีพ-กู้ภัยมูลนิธิ เปิดเผยว่า จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ได้จับกุม นายภานุพงษ์ หรือเบนซ์ อิ่มใจ อายุ 23 ปี อ้างตัวเป็นอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถานฯ บังหน้า และทำการซื้อขายยาบ้ากับเครือข่ายผ่านทางเฟซบุ๊กได้พร้อมของกลาง 10 เม็ด โดยใช้รถพยาบาลฉุกเฉินที่มีโลโก้หน่วยกู้ภัยพร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ป่วยมาส่งยาบ้าให้ลูกค้า และถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น
ทางมูลนิธิขอชี้แจงว่า นายภานุพงษ์ หรือเบนซ์ เคยเป็นอาสาสมัครกู้ภัยของมูลนิธิฯ จริง แต่เนื่องจากนายภานุพงษ์ไม่ใส่ใจละทิ้งหน้าที่ออกปฏิบัติงานบ่อยครั้ง และขาดงานโดยไม่มีเหตุอันควร ไม่แจ้งให้ทราบ ไม่แจ้งบุคคลทดแทน ผิดระเบียบต่อการปฏิบัติงานของหน่วย คณะกรรมการจึงมีความเห็นสั่งให้พ้นสภาพการเป็นพนักงานประจำของฝ่ายกู้ชีพ-กู้ภัย ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. 2558 เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นพฤติกรรมส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับทางมูลนิธิฯ แต่อย่างใด
“ผู้บริหารมูลนิธิฯ เน้นย้ำกับอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ทุกคนว่าห้ามไปเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดและการกระทำผิดกฎหมายทุกอย่าง เราเป็นมูลนิธิสีขาวมาร่วม 60 ปี และรักษามาตรฐานมาโดยตลอด แม้แต่การใช้รถกู้ภัยก็ต้องอยู่ในกฎระเบียบของมูลนิธิฯ และเคารพกฎหมายไม่ใช่สร้างความรำคาญให้ประชาชนและฝ่าฝืนกฎจราจร และอาสาสมัครทุกนายจะต้องได้รับการตรวจปัสสาวะอยู่เป็นประจำ” นายสุเทพกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นบุคคลสวมใส่เสื้อมูลนิธิและนำโลโก้ของมูลนิธิฯ ไปแอบอ้างใช้กระทำผิดกฎหมาย หรือออกไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสมาที่ตนเองได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1389-7703
ทั้งนี้ ทางฝ่ายกฎหมายของมูลนิธิฯ จะเข้าแจ้งความเอาผิดกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างเป็นอาสาสมัครกู้ภัย โดยนำรถยนต์มาติดสติกเกอร์สัญลักษณ์ของมูลนิธิฯ โดยขณะนี้มีข้อมูลที่ชัดเจนแล้วกว่า 10 ราย รวมถึงนายภานุพงษ์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีต่อ “กู้ภัยเถื่อน” กลุ่มนี้ให้ถึงที่สุด นายสุเทพกล่าวในที่สุด