ฉะเชิงเทรา - พายุฝนพัดกระโชกแรง ทำต้นไม้ล้มทับอาคารบ้านเรือน และเสาไฟฟ้าหักโค่น กระแสไฟดับสนิทแบบมืดมิดทั่วทั้งเมือง ทำการจราจรติดขัดวุ่นจนเกือบถึงขั้นวิกฤต ขณะชาวบ้าน 2 ครอบครัวผู้ประสบเหตุถูกต้นไม้ใหญ่ล้มทับคล้ายกัน เผยถึงวินาทีรอดตายแบบหวุดหวิด รวมถึง 6 ชีวิต
วันนี้ (28 ต.ค.) ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ได้เกิดพายุฝนพัดกระหน่ำ พร้อมมีลมกระโชกอย่างรุนแรงในหลายเขตพื้นที่ และหลายอำเภอใน จ.ฉะเชิงเทรา จนทำให้เกิดเหตุต้นไม้ล้มทับบ้านเรือนประชาชน และเสาไฟฟ้าตามรายทางริมท้องถนนโค่นล้ม สายไฟขาดจนมีประกายไฟลุกท่วม ขณะบางจุดยังคงมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลอยู่ตามพื้นผิวถนนอย่างน่าหวาดเสียว ส่งผลทำให้ไฟฟ้าดับสนิทแบบมืดมิดไปทั่วทั้งเมือง ไม่เว้นแม้แต่บริเวณศูนย์ราชการ ภายในอาคารศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา
นางวันเพ็ญ เหมือนสังข์ดี อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/3 ถ.ศรีโสธรตัดใหม่ ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา กล่าวถึงวินาทีระทึกขณะเกิดเหตุลมพายุพัดต้นไม้ใหญ่หักโค่น ล้มทับหลังคาบ้านพังถล่มลงมาว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังทำกับข้าวอยู่ภายในครัว ส่วนบรรดาลูกๆ อีก 2 คน กำลังช่วยกันซักผ้าอยู่ที่บริเวณด้านหน้าห้องน้ำหลังบ้าน จากนั้นได้เริ่มเห็นรอยแยกที่บริเวณฝาผนังห้องครัว จึงได้ร้องตะโกนเรียกบอกให้ลูกๆ เข้าบ้าน
ส่วนตนเองหลังทำกับข้าวเสร็จแล้วกำลังจะถอดปลั๊กหม้อหุงข้าวออกก็ได้เกิดเหตุต้นหว้าขนาดใหญ่ถึง 2 คนโอบ อายุกว่า 60 ปี โค่นล้มครืนลงมาทับที่บริเวณห้องครัว และหลังคาห้องน้ำทำให้ตน และบุตรสาวทั้ง 2 คน รอดตายได้อย่างหวุดหวิด ทั้งที่ลูกทั้ง 2 คนได้วิ่งเข้ามาในบ้านได้เพียงไม่กี่วินาที และตนเองก็ได้เดินหลบเข้ามาภายในตัวบ้านได้เพียงไม่กี่วินาทีเช่นเดียวกัน ต้นไม้ใหญ่ก็ได้ล้มครืนลงมาทับหลังคาห้องครัวจนถล่มลงมาแบบบี้แบนหมดทั้งห้องดังกล่าว
ส่วนอีกราย นางนิจอารีย์ คงเกียรติยศ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/7/28 ม.6 ต.โสธร อ.เมืองฉะเชิงเทรา แม่ค้าขายกาแฟโบราณ น้ำอัดลม และน้ำปั่นที่บริเวณหน้าสนามเทนนิส ด้านข้าง รพ.พุทธโสธร ริมถนนมรุพงษ์ ได้เล่าถึงเหตุการณ์วินาทีระทึกที่กิ่งต้นสนขนาดใหญ่อายุราว 40 ปี ได้หักโค่นลงมาตามแรงลมพายุ และร่วงลงมาทับยังที่เพิงหลังคาขายกาแฟ และรถเข็นขายน้ำ รวมถึงรถยนต์กระบะบรรทุกน้ำปั่นจนพังเสียหายว่า ขณะเกิดเหตุตนพร้อมด้วยบุตรสาววัย 9 ขวบ และหลานสาววัย 9 ขวบ กำลังอยู่ภายในเพิงขายน้ำพอดี
เกิดเหตุกิ่งไม้หักร่วงลงมาทับตนพร้อมด้วยบุตรสาว และหลานรวม 3 คน โดยกิ่งไม้ได้ร่วงลงมาทับที่หลังคาเพิงขายของจนยุบตัวบี้ลงมา จนทำให้ตนพร้อมด้วยลูก และหลานติดอยู่ภายใน แต่โชคดีที่หลังคาซึ่งมีโครงเหล็กยุบตัวลงมาไม่มาก และยังมีคันร่มที่เป็นเหล็กได้ช่วยค้ำยันกิ่งไม้เอาไว้ ไม่ให้กิ่งไม้ร่วงลงมาใส่จนถึงตัวคนจึงทำให้รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ ท่ามกลางบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของอยู่ในบริเวณเดียวกันที่ต่างพากันส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ และคาดว่าตนคงถูกกิ่งไม้ขนาดใหญ่ร่วงลงมาทับจนเสียชีวิตไปแล้ว ก่อนที่จะพากันเข้ามาช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย หลังจากพายุฝนลมแรงได้พัดผ่านเลยไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่า จากเหตุลมพายุพัดถล่มเมืองแปดริ้ว และในอีกหลายอำเภอทั่วทั้ง จ.ฉะเชิงเทรา ในครั้งนี้นั้นได้ทำให้กระแสไฟฟ้าดับไปทั่วทั้งเมือง และการจราจรติดขัดอย่างหนัก เนื่องจากสัญญาณไฟจราจรตามทางแยกสัญญาณไฟใช้การไม่ได้ จึงทำให้มีรถสะสมในเส้นทางเป็นจำนวนมาก ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้ใช้สัญญาณมือเร่งระบายรถออกจากเส้นทางบนถนนหลายสาย เช่น ถ.ศรีโสธร ถ.มรุพงษ์ ถ.เทพคุณากร
นอกจากนี้ ยังมีเหตุน่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นอีกหลายแห่งขณะเกิดเหตุพายุพัดถล่มรุนแรง เช่น ที่บริเวณริมถนนศรีโสธรตัดใหม่ ใกล้กับร้านอาหารชื่อดัง (อาเหลียง) ได้เกิดเหตุต้นไม้ถูกพายุพัดล้มทับเสาไฟฟ้าหักจนเกิดประกายไฟระเบิดลุกท่วมเป็นประกายท่ามกลางสายฝน และที่บริเวณภายใน ถ.เทพคุณากร ซ.5 ได้มีต้นไม้ล้มทับสายไฟฟ้าขาดจนร่วงลงมากองอยู่ที่พื้นถนน และทำให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วไหล มีประกายไฟแลบออกมาอยู่ในบริเวณที่สายไฟตกหล่นลงมาที่พื้น
เหตุการณ์ดังกล่าวยังมีอุบัติเหตุรถชนกันอยู่ตามท้องถนนอีกหลายแห่งในเวลาเดียวกัน ทั้งในเขต อ.เมืองฉะเชิงเทรา อ.บางปะกง และ อ.บ้านโพธิ์ โดยเฉพาะที่บริเวณบนถนนสาย เกาะไร่-วัดพิมพาวาส นั้นได้มีต้นไม้ล้มทับเสาไฟฟ้าหักโค่น ล้มลงมาอย่างต่อเนื่อง จำนวน 5 ต้น และมีรถยนต์ถูกเสาไฟฟ้าล้มทับได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน จนทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนักแบบเป็นอัมพาตเป็นเวลานานหลายชั่วโมงอีกด้วย