ตำรวจจับพวกเราขึ้นรถขังผู้ต้องหา
วันนั้น ๒๐ ธันวา ๔๕
ที่ถนนทางเข้าโรงแรมเจบี
จับเราข้อหาอะไร
“เรามีสิทธิ์จับโดยไม่ต้องแจ้งข้อหา”
จะเอาตัวพวกเราไปไหน
“ผมไม่จำเป็นต้องบอกพวกคุณ”
ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตอบ
รถควบคุมตัวผู้ต้องหาเคลื่อนออกไป
ออกไปจากบริเวณที่เราชุมนุม
ที่ชุมนุมที่ยังมีร่องรอย
ร่องรอยการชุมนุมโดยสงบ
แต่ถูกใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม
ความรุนแรงยังเปรอะเปื้อนอยู่ตามพื้นถนน
หลังจากเรา ๑๒ คน ถูกดันตัวขึ้นมาบนรถ
ส่งสายตาสื่อความหมาย
แน่นอนไม่มีความเศร้าปรากฏ
ในแววตาคู่ใด
ใครบางคนถูกใส่กุญแจมือไพล่หลังไว้
รถมาหยุดที่โรงยิมฯ ในสนามกีฬาจิระนคร
พวกเขาให้เราลงมา
เพื่อตรวจค้นตัว
ยึดโทรศัพท์
ของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ไม่ต้องพูดถึง
มันคงถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย
อยู่ในรถที่เราเดินทางมาชุมนุม
ปาน...หันมาแล้วบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า
ให้พี่คนนี้ไปหาหมอได้ไหมเขาบาดเจ็บ
เมื่อเห็นเลือดไหลรินเป็นทางยาว
จากต้นแขน
หยดลงบนขากางเกง
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งร้องบอกเพื่อน
เอาผู้หญิงคนนี้ไปหาหมอเถอะ
เหมือนไม่มีใครได้ยินเสียงของเขา
ทุกคนหันมาแล้วปฏิเสธด้วยท่าทีนิ่งเฉย
เป็นการปฏิเสธได้อย่างเย็นชาที่สุด
เขาบอกอีกครั้ง
เมื่อผลที่ได้เป็นเช่นเดิม
เขาจึงยอมแพ้ต่อคนส่วนใหญ่
เราทั้งหมดถูกผลักขึ้นรถขังผู้ต้องหาอีกครั้ง
รถเคลื่อนไป
โดยเรายังไม่ทราบข้อกล่าวหาที่ถูกจับกุม
และไม่มีสิทธิ์รู้ว่าเขาจะเอาตัวเราไปที่ใด
ยามดึกดื่น
รถแล่นมาบนถนนที่เงียบและมืดมิด
เป็นค่ำคืนที่ยาวนานมาก
เมื่อรถจอดนิ่ง
เราจึงรู้ว่าถูกนำตัวมาที่ค่ายท่านมุกฯ เขามีเกียรติ สะเดา
เขาสอบสวนเราทีละคน
เราสลับกันนอนพัก
โดยเอาเก้าอี้ในห้องมาวางเรียงต่อกัน
แล้วเอนกายลงไป
แต่หูคอยฟังอยู่ว่าถึงชื่อเราหรือยัง
ผู้ต้องหา ๑๒ คน
กว่าจะถึงคนสุดท้ายก็เกือบสว่าง
เขาเข้ามาเรียกชื่ออกไปทีละคน
ขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะของพนักงานสอบสวน
มีเสียงร้องอยู่ในใจว่า
“เรามาเพียงเพื่อ
ยื่นหนังสือ
ขอให้ทบทวนการดำเนินงาน
โครงการท่อส่งก๊าซ-โรงแยกก๊าซจะนะ
และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง”
เท่านั้นเอง
เท่านั้นเองจริงๆ
“ประชาชนธรรมดาอย่างเรา
จะมีอะไรไปสู้
ไม่มีอำนาจ บารมี ไม่มีเงิน
ไม่มีอาวุธ ไม่มีความรุนแรง
ถึงมีคงไม่มีใครคิดจะใช้
เราคิดแต่เพียงใช้สิทธิ์ ใช้เสียง
ใช้ความถูกต้องชอบธรรม
“การ-ชุม-นุม-จึงเป็นสิ่งเดียวที่เรามี”
ป่วยการที่จะพูดออกไป
กับคนกลุ่มนี้ในเวลานี้
จึงเอ่ยไปเพียงว่า
“ไม่ขอตอบคำถาม
ขอให้การในชั้นศาล”
เจ้าหน้าที่พากันหัวเราะขบขัน
หันไปพยักพเยิดกัน
แล้วตอบกลับมาว่า
“ไอ้พูดพูดแบบนี้เนี่ย
ถูกขังยาวเกือบทุกรายแหละ”
เรียกเสียงฮา! ในกลุ่มพวกเขาได้อีกครั้ง
เมื่อตายิบหยีหันกลับมา
ฉันมองตอบกลับไปด้วยสายตามั่นคง
ไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกากันไหม
พุธที่ ๒๑ ตุลาคม ๕๘
ที่ศาลจังหวัดสงขลา
เวลา ๐๙:๐๐ น.
ศุภรรณ เกลียวคลื่น ชนะสงคราม
ปล. ยังคงเชื่อมั่นในความดีงาม เป็นความเชื่อที่สั่งสมมาจากบรรพบุรุษ ครูบาอาจารย์ เพื่อนมิตร และสรรพสิ่งที่แวดล้อมตัวเรา ขอบคุณทุกกำลังใจ แม้เวลาจะผ่านมายาวนาน