คนเลี้ยงปลากระชังกำแพงเพชรเชื่อน้ำปิงโดนกักรับงานแข่งเรือ ทำแห้งหนักปลาน็อกตาย

กำแพงเพชร - ประมงจังหวัดยกคณะลงน้ำปิง ตรวจสอบปัญหาน้ำแห้งจนปลาในกระชังน็อกตาย เกษตรกรเสียหายเกือบ 2 ล้าน เบื้องต้น แนะย้ายปลาหาน้ำลึก ประสานท้องถิ่นขุดร่องน้ำเพิ่ม ย้ำเคยเตือนก่อนแล้ว ขณะที่กลุ่มผู้เลี้ยงปลาเชื่อน้ำปิงถูกกักรับงานแข่งเรือตากจนแห้งหนัก

วันนี้ (26 ต.ค.) นายสนั่น ปานบ้านแพ้ว ประมงจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมด้วย นายสุรชัย เมฆพัฒน์ ปลัดอาวุโส อำเภอเมือง ได้เข้าตรวจสอบ และช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงปลากระชัง หมู่ 3 บ้านคลองบางทวน ต.หนองปลิง อ.เมือง ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำปิงแห้งจนปลาน็อกน้ำตาย ต้องจับขายก่อนกำหนดจนขาดทุน

นางวันเพ็ญ ภู่พงษ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.หนองปลิง รายงานว่า มีผู้เลี้ยงปลากระชังได้รับผลกระทบ 12 ราย เลี้ยงปลาทับทิมรวม 40 กระชัง บางรายเสียหายหมด และบางรายเสียหายบางส่วน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 1,174,500 บาท และของ นายพายัพ เครือมณี อีก 2 กระชัง ประมาณ 87,000 บาท

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ย้ายปลาออกจากกระชังไปเลี้ยงฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิงก่อน กรณีขายได้ก็ให้ขาย รวมทั้งแปรรูปด้วย นอกจากนั้น ยังได้แนะนำให้เทศบาลเมืองหนองปลิง ติดต่อประสานงานกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร ช่วยขุดลอกสันดอนทรายที่ขวางกั้นลำน้ำให้น้ำไหลเข้าสู่บริเวณที่เลี้ยงกระชังปลาโดยด่วน

ด้าน นายทศพล พึ่งสูงเนิน เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชัง อยู่บ้านเลขที่ 10/11 หมู่ 3 บ้านคลองบางทวน ต.หนองปลิง บอกว่า ต้องย้ายปลาทับทิม และปลากดคังไปเลี้ยงในจุดที่แม่น้ำปิงลึกกว่านี้อีกตำบลหนึ่ง ไม่เช่นนั้นปลาจะน็อกน้ำตาย

และจากที่มีรายงานว่า สาเหตุที่น้ำแม่น้ำปิงลดระดับลงอย่างรวดเร็วเพราะเขื่อนภูมิพลชะลอการปล่อยน้ำเพื่อสนับสนุนการแข่งเรือที่จังหวัดตาก โดยที่ไม่ทราบมาก่อน เพราะไม่มีหน่วยงานภาครัฐมาแจ้ง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากปลากระชังเสียหายน็อกน้ำตายไปจำนวนมาก

นายสนั่น ปานบ้านแพ้ว ประมงจังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้ออกประกาศเตือนผู้เลี้ยงปลากระชังแล้วว่า น้ำเขื่อนภูมิพลมีน้อย ให้เตรียมมาตรการรองรับกรณีน้ำปิงลด เช่น ย้ายกระชังไปที่น้ำลึก เป็นต้น แต่กรณีที่เกิดปลาตายดังกล่าว เบื้องต้น ได้รายงานความเสียหายไปยังกรมประมงแล้ว ซึ่งทางกรมประมงอาจจะช่วยเหลือ เช่น มอบพันธุ์สัตว์น้ำให้ ส่วนความช่วยเหลือกรณีประสบภัยจากธรรมชาตินั้นต้องให้ทางอำเภอและจังหวัดพิจารณาความเสียหาย และช่วยเหลือต่อไป