ASTVผู้จัดการออนไลน์ - กรมชลประทาน ย้ำปริมาณน้ำ 4 เขื่อนหลักลุมเจ้าพระยา มีพอใช้อุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศตลอดฤดูแล้ง 59 เท่านั้น ไม่พอส่งให้ทำนาปรัง กำชับโครงการในพื้นที่เร่งทำความเข้าใจต่อผู้ใช้น้ำต่อเนื่อง ขอความร่วมมืองดทำนาปรัง ลดความขัดแย้งในอนาคต
วันนี้ (14 ต.ค.) ส่วนประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ว่า ฝนที่เริ่มตกน้อยลงในพื้นที่ตอนบนส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำต่างๆ ลดน้อยลงตามไปด้วย โดยล่าสุด ทั้ง 4 เขื่อน ประกอบกวย เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำในอ่างรวมกัน 10,410 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) มีน้ำไหลเข้าเขื่อนรวมกันเมื่อวันที่ 13 ต.ค.ทั้งสิ้น 87.59 ล้านลบ.ม. มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 3,714 ล้านลบ.ม. ใช้น้ำรวมกันวันละ 4.51 ล้านลบ.ม.
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าปริมาณน้ำใช้การได้ของเขื่อนทั้ง 4 แห่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ได้ตั้งเป้าไว้ ซึ่งฤดูฝนยังเหลือระยะเวลาไปถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ คาดว่าจะมีน้ำไหลลงอ่างเพิ่มขึ้นอีก สำหรับข่าวลือที่ว่าน้ำใช้การได้ใน 4 เขื่อนหลักมีเพียงพอทำนาปรังนั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะปริมาณน้ำใช้การได้ที่มีอยู่เพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศเท่านั้น ไม่เพียงพอสนับสนุนการทำนาปรังในฤดูแล้งหน้านี้ได้
อย่างไรก็ตาม ได้ให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจต่อเกษตรกรผู้ใช้น้ำทุกกลุ่ม รวมทั้งประชาชนทั่วไปในพื้นที่ของตนให้ทราบถึงสถานการณ์น้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด และขอความร่วมมือให้งดทำนาปรัง เพื่อให้น้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด เพียงพอใช้สำหรับการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศตลอดช่วงฤดูแล้ง ต่อเนื่องไปจนถึงต้นฤดูฝนเดือน พ.ค.59 พร้อมขอให้ทุกภาคส่วนรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำที่รุนแรงได้ในอนาคต
