กาญจนบุรี - เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจระดมกำลังคุมเข้มชายแดนกาญจนบุรี หลังพบความเคลื่อนไหว “อ๊อด พยุงวงศ์” 1 ใน 17 ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร อยู่ในพื้นที่กาญจนบุรี
ตามที่มีกระแสข่าวปรากฏว่านายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว 1 ใน 17 ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร อยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรีนั้น มีข้อมูลว่าได้รับความช่วยเหลือจากอดีตนักการเมืองรายหนึ่งซึ่งตำรวจชุดสืบสวนพยายามแกะรอยติดตามตัวแต่ยังไม่สามารถควบคุมตัวได้ โดยได้มีการประสานไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงทหารที่ดูแลพื้นที่ตะเข็บชายแดนในจังหวัดกาญจนบุรี และใกล้เคียง ให้ช่วยตรวจสอบบุคคลเข้าออกไทยและประเทศเพื่อนบ้านอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้นายอ๊อดใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนีออกนอกประเทศได้
พล.ต.ธรรมนูญ วิถี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ได้สั่งการเน้นย้ำหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ในการเพิ่มมาตรการเฝ้าตรวจบุคคล ยานพาหนะในพื้นที่รับผิดชอบ และตามเส้นทางหลักและช่องทางต่างๆ รวมทั้งเส้นทางในภูมิประเทศที่สามารถอ้อมผ่านหรือหลีกเลี่ยงจุดตรวจบนเส้นทางหลัก รวมถึงมาตรการตรวจตราในการผ่านเข้า-ออกในจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน อ.เมืองกาญจนบุรี และช่องทางพระเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี
โดยได้แจกจ่ายภาพบุคคลตามหมายจับในลักษณะต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานสามารถจดจำรูปพรรณสัณฐานได้ ตลอดจนการบูรณาการด้านการข่าวกับหน่วยงานราชการและผู้นำชุมชน รวมทั้งชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน ให้ได้มาซึ่งข่าวสารและเบาะแส รวมทั้งประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ความร่วมมือในการสกัดจับบุคคลตามหมายจับดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราบุคคลตามหมายจับอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อเข้าทำการจับกุม และป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ
ด้าน พ.ต.อ.ชินภัทร ตันศรีสกุล รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี รักษาการแทน ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี กล่าวว่า ได้สั่งการไปทุกสถานี ทั้ง 21 แห่งในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ให้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว หากพบว่าบุคคลดังกล่าวเข้ามาในพื้นที่ให้นำกำลังเข้าจับกุมทันที พร้อมกันนี้ก็ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจสันติบาล ตำรวจท่องเที่ยว ตชด.รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่นให้ช่วยกันตรวจตราบุคคลตามหมายจับอีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำสถานีที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน รวม 5 สถานีเป็นกรณีพิเศษ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ประจำจุดตรวจจุดสกัด ซึ่งตามเส้นทางหลักมีด้วยกัน 6 จุด ให้เฝ้าตรวจตราตลอด 24 ชม. อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีกระแสข่าวว่านายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว ได้รับความช่วยเหลือจากอดีตนักการเมืองรายหนึ่งในพื้นที่ ตนได้สั่งการให้ชุดสืบจังหวัดลงพื้นที่หาข่าว ล่าสุดยังไม่พบความเคลื่อนไหวของนายอ๊อดแต่อย่างใด
ทางด้าน พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร ผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผกก.ตม.) กาญจนบุรี กล่าวว่า พล.ต.ต.ธำรงค์ แสงวัฒนกุล ผบก.ตม.3 ได้สั่งการให้ ตม.จังหวัดในสังกัด บก.ตม.3 คุมเข้มในการตรวจบุคคลและยานพาหนะเข้าออกราชอาณาจักร สำหรับ ตม.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตม.จว.กาญจนบุรี ตรวจบุคคลและยานพาหนะ เข้ม 100 เปอร์เซ็นต์
พร้อมได้แจกจ่ายภาพถ่ายของนายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับ ให้เจ้าหน้าที่จุดตรวจทุกจุดเรียบร้อยพร้อมทั้งสั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.กาญจนบุรี ออกสืบสวนหาข่าวในพื้นที่โดยบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ กองพลทหารราบที่ 9 ร่วมตรวจสอบด้วย ซึ่งหากพบตัวจะแจ้งให้ทราบโดยด่วน
ตามที่มีกระแสข่าวปรากฏว่านายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว 1 ใน 17 ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร อยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรีนั้น มีข้อมูลว่าได้รับความช่วยเหลือจากอดีตนักการเมืองรายหนึ่งซึ่งตำรวจชุดสืบสวนพยายามแกะรอยติดตามตัวแต่ยังไม่สามารถควบคุมตัวได้ โดยได้มีการประสานไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงทหารที่ดูแลพื้นที่ตะเข็บชายแดนในจังหวัดกาญจนบุรี และใกล้เคียง ให้ช่วยตรวจสอบบุคคลเข้าออกไทยและประเทศเพื่อนบ้านอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้นายอ๊อดใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนีออกนอกประเทศได้
พล.ต.ธรรมนูญ วิถี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ได้สั่งการเน้นย้ำหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ในการเพิ่มมาตรการเฝ้าตรวจบุคคล ยานพาหนะในพื้นที่รับผิดชอบ และตามเส้นทางหลักและช่องทางต่างๆ รวมทั้งเส้นทางในภูมิประเทศที่สามารถอ้อมผ่านหรือหลีกเลี่ยงจุดตรวจบนเส้นทางหลัก รวมถึงมาตรการตรวจตราในการผ่านเข้า-ออกในจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน อ.เมืองกาญจนบุรี และช่องทางพระเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี
โดยได้แจกจ่ายภาพบุคคลตามหมายจับในลักษณะต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานสามารถจดจำรูปพรรณสัณฐานได้ ตลอดจนการบูรณาการด้านการข่าวกับหน่วยงานราชการและผู้นำชุมชน รวมทั้งชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน ให้ได้มาซึ่งข่าวสารและเบาะแส รวมทั้งประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ความร่วมมือในการสกัดจับบุคคลตามหมายจับดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราบุคคลตามหมายจับอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อเข้าทำการจับกุม และป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ
ด้าน พ.ต.อ.ชินภัทร ตันศรีสกุล รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี รักษาการแทน ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี กล่าวว่า ได้สั่งการไปทุกสถานี ทั้ง 21 แห่งในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ให้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว หากพบว่าบุคคลดังกล่าวเข้ามาในพื้นที่ให้นำกำลังเข้าจับกุมทันที พร้อมกันนี้ก็ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจสันติบาล ตำรวจท่องเที่ยว ตชด.รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่นให้ช่วยกันตรวจตราบุคคลตามหมายจับอีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำสถานีที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน รวม 5 สถานีเป็นกรณีพิเศษ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ประจำจุดตรวจจุดสกัด ซึ่งตามเส้นทางหลักมีด้วยกัน 6 จุด ให้เฝ้าตรวจตราตลอด 24 ชม. อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีกระแสข่าวว่านายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว ได้รับความช่วยเหลือจากอดีตนักการเมืองรายหนึ่งในพื้นที่ ตนได้สั่งการให้ชุดสืบจังหวัดลงพื้นที่หาข่าว ล่าสุดยังไม่พบความเคลื่อนไหวของนายอ๊อดแต่อย่างใด
ทางด้าน พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร ผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผกก.ตม.) กาญจนบุรี กล่าวว่า พล.ต.ต.ธำรงค์ แสงวัฒนกุล ผบก.ตม.3 ได้สั่งการให้ ตม.จังหวัดในสังกัด บก.ตม.3 คุมเข้มในการตรวจบุคคลและยานพาหนะเข้าออกราชอาณาจักร สำหรับ ตม.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตม.จว.กาญจนบุรี ตรวจบุคคลและยานพาหนะ เข้ม 100 เปอร์เซ็นต์
พร้อมได้แจกจ่ายภาพถ่ายของนายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับ ให้เจ้าหน้าที่จุดตรวจทุกจุดเรียบร้อยพร้อมทั้งสั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.กาญจนบุรี ออกสืบสวนหาข่าวในพื้นที่โดยบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ กองพลทหารราบที่ 9 ร่วมตรวจสอบด้วย ซึ่งหากพบตัวจะแจ้งให้ทราบโดยด่วน
