กาญจนบุรี - ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ตม.กาญจนบุรี ร่วมสอบเครียด 8 แรงงานชาวพม่า หลังถูกจับได้ขณะหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเพิ่ม เหตุพบพิรุธมีชาวพม่าเชื้อสายอินเดีย แต่ไร้สัญชาติ เตรียมขยายผลจับกุมผู้อยู่เบื้องหลัง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (2 ก.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอเมือง จ.กาญจนบุรี นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี พร้อมด้วย พ.อ.พงษ์สวัสดิ์ ภาชนะทิพย์ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.ท.จิรชาติ ร่มสายหยุด รอง ผกก.ตม.จ.กาญจนบุรี พ.ต.ต.พิษณุ เชิดโฉม สวป.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.เฉลิมพล คุปตะวาทิน ฝ่ายข่าวกรมทหารพรานที่ 14 นายสุวิทย์ มากแก้ว ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกันสอบปากคำ 6 แรงงาน พร้อมผู้นำพาชาวพม่า 2 คนที่ถูกจับกุมได้ที่บริเวณหุบเขาลุงบุญ หมู่ 14 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พร้อมรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บพ 9943 กาญจนบุรี
นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า แรงงานต่างด้าวชาวพม่าถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย 1.นายชุกาลา (ชาวพม่า) อายุ 22 ปี (ผู้นำรถนำพาชาวพม่า 6 รายหลบหนีเข้าเมือง พร้อมทั้งพบของกลางยาบ้า จำนวน 6 เม็ด ที่ชุกซ่อนภายในกางเกง) 2.นายเวหา (ชาวพม่า) อายุ 27 ปี ผู้ร่วมนำพาชาวพม่าหลบหนีเข้าเมือง 3.นายหม่องเอ (ชาวพม่า) อายุ 36 ปี 4.นางมีมี (ชาวพม่า) อายุ 22 ปี 5.นางตินติน (ชาวพม่า) อายุ 22ปี 6.นายวินนัย (ชาวพม่า) อายุ 27 ปี 7.นายไอเคอ (ชาวพม่า) อายุ 32 ปี และ 8.นางลาว (ชาวพม่า) อายุ 30 ปี
แต่จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นางมีมี นางตินติน และนายวินนัย เป็นชนพื้นเมืองยะไข่ เชื้อสายอินเดีย แต่ไม่มีสัญชาติ โดยไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าแรงงานเหล่านี้จะหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยที่ด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อนมาก่อน จึงเชื่อได้ว่าแรงงานทั้ง 3 รายจะหลบหนีไปทำงานในเรือประมงในพื้นที่ภาคใต้ หรือจังหวัดชายทะเลเพื่อหาทางไปอยู่ประเทศที่ 3
ส่วนนายชุกาลา คนขับผู้นำพาเคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเมื่อปี พ.ศ.2557 ในข้อหาขนคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และเมื่อเดือนมิถุนายน 2558 ถูกจับอาวุธปืน และยาเสพติดที่บ้านพักในชุมชนชาวมอญบ้านหงสาวดี หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี แต่ก็มีผู้ร่วมขบวนการ หรือผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาประกันตัวออกไป
“เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทราบแล้วว่าเป็นใครแต่ยังไม่มีหลักฐานที่พอจะสาวไปถึง เพราะขบวนการเหล่านี้ทำกันเป็นขั้นเป็นตอนอย่างมีแบบแผน แต่เชื่อว่าหากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่กันอย่างเข้มแข็ง จะสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้อย่างแน่นอน” นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี กล่าวและว่า
สำหรับการจับกุมแรงงานในครั้งนี้จะเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ ได้ประสานให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี นำไปพิจารณาเพื่อตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งจากความผิดสังเกตทั้งหมด จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันสอบปากคำแรงงานอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะส่งตัวให้หน่วยงานที่รับผิดชอบนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พ.อ.พงษ์สวัสดิ์ ภาชนะทิพย์ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าทางฝั่งประเทศพม่ายังขาดความพร้อมในเรื่องของทะเบียนราษฎรต่างๆ และยังขาดความพร้อมทางด้านศักยภาพของตัวบุคคลที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย จุดผ่านแดนถาวรที่เรากำหนดเอาไว้ได้มีการอนุโลมให้ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาได้ด้วยการใช้บอเดอร์พาส พาสปอร์ต หรือวีซ่าต่างๆ ในการเข้าออก และก็พบว่า มีการผ่านเข้าออกอย่างถูกต้องอยู่เป็นจำนวนมาก
สำหรับประเทศพม่ากำลังดำเนินการจัดการจัดเรื่องทะเบียนราษฎรของประชาชนแต่ยังไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะยังมีชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนฝั่งตรงข้ามบ้านเรา ทำให้ไม่สามารถจัดระเบียบได้อย่างเต็มรูปแบบ จึงทำให้เกิดช่องว่าง และมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง
ซึ่งเราจำเป็นจะต้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้ช่วยกำหนดมาตรการควบคุม และให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนชาวพม่าให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อตกลงระหว่างประเทศในการผ่านเข้าออกให้ถูกต้องทั้ง 2 ด่าน ไม่ว่าจะเป็นด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง และด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี
ปัจจุบัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝั่งไทย และฝั่งพม่ามีข้อมูลข่าวสารอยู่แล้วว่ากลุ่มผู้นำพาทั้งฝั่งพม่า และฝั่งไทยมีเครือข่ายอย่างไรบ้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามเพื่อขยายผลอยู่ และที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยโดยเฉพาะฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ ตม.ได้ตรวจสอบมาแล้วว่ารถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะในการขนแรงงานอย่างผิดกฎหมายนั้นเป็นรถยนต์ยี่ห้อและทะเบียนอะไร มีใครครอบครอง จึงเป็นที่มาของการจับกุมแรงงานในครั้งนี้
“คาดว่าหลังจากการขยายผลก็จะพยายามสื่อไปถึงกลุ่มขบวนการในพื้นที่ แต่อย่างไรก็ตาม จะสามารถสาวไปถึงกลุ่มขบวนการที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ อีกได้หรือไม่จะต้องขึ้นอยู่กับการขยายผลในครั้งนี้ก่อน”
