กาญจนบุรี - ผบ.พล 9 สั่งทหารทุกหน่วยคุมเข้มทุกพื้นที่ในเมืองกาญจนบุรี ทั้งแหล่งท่องเที่ยวแนวชายแดนไทย-พม่า เพื่อป้องกันเกิดเหตุระเบิดซ้ำรอยแยกราชประสงค์ พร้อมบูรณาการป้องกันแหล่งท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ตเต็มกำลัง
เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้ (18 ส.ค.) พล.ต.ณัฐ อิทรเจริญ ผบ.พล.ร.9 ค่ายสุรสีห์ เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา แรงระเบิดส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และล่าสุดเวลา 13.30 น.ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีก 1 ลูก ที่บริเวณสะพานสาทร ฝั่งพระนคร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต โดยทางกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ได้จัดกำลังเฝ้าระวังมาตั้งแต่ช่วงหลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นครั้งแรกด้วยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.ณัฐ กล่าวต่อว่า สำหรับจังหวัดกาญจนบุรี มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง โดยเฉพาะกำลังเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ จะต้องเข้มข้นในการตรวจตราเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เพราะหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ มีหน้าที่เฝ้า และดูแลความสงบตามแนวชายแดนตลอดเส้นทาง 371 กิโลเมตร มีช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศไทยกับประเทศพม่า รวม 43 ช่องทาง
ส่วนบริเวณด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี รวมทั้งด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยเป็นกรณีพิเศษ
พล.ต.ณัฐ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ทหารได้ร่วมบูรณาการกับหน่ายงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น บริเวณถนนนานาชาติ หรือถนนโค้งประปา
รวมทั้งแหล่งสถานบันเทิง เช่น ดิสโก้เธค ร้านอาหารที่อยู่ริมแม่น้ำแควน้อย แควใหญ่ และริมแม่น้ำแม่กลอง สถานีรถไฟ สถานีรถขนส่งผู้โดยสาร โรงแรม และรีสอร์ตต่างๆ โดยขอความร่วมมือต่อผู้ประกอบการให้ช่วยตรวจเช็กกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ให้มั่นใจว่าต้องใช้งานได้ และหากพบกระเป๋า กล่อง หรือถุง บรรจุสิ่งของต้องสงสัยว่าจะเป็นวัตถุอันตราย ให้รีบรายงานให้ทราบในทันที ซึ่งการป้องกันเพื่อเฝ้าระวังทั้งหมดตนได้สั่งการเป็นนโยบายให้เจ้าหน้าที่ทหารทุกนายปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้ (18 ส.ค.) พล.ต.ณัฐ อิทรเจริญ ผบ.พล.ร.9 ค่ายสุรสีห์ เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา แรงระเบิดส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และล่าสุดเวลา 13.30 น.ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีก 1 ลูก ที่บริเวณสะพานสาทร ฝั่งพระนคร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต โดยทางกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ได้จัดกำลังเฝ้าระวังมาตั้งแต่ช่วงหลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นครั้งแรกด้วยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.ณัฐ กล่าวต่อว่า สำหรับจังหวัดกาญจนบุรี มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง โดยเฉพาะกำลังเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ จะต้องเข้มข้นในการตรวจตราเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เพราะหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ มีหน้าที่เฝ้า และดูแลความสงบตามแนวชายแดนตลอดเส้นทาง 371 กิโลเมตร มีช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศไทยกับประเทศพม่า รวม 43 ช่องทาง
ส่วนบริเวณด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี รวมทั้งด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยเป็นกรณีพิเศษ
พล.ต.ณัฐ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ทหารได้ร่วมบูรณาการกับหน่ายงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น บริเวณถนนนานาชาติ หรือถนนโค้งประปา
รวมทั้งแหล่งสถานบันเทิง เช่น ดิสโก้เธค ร้านอาหารที่อยู่ริมแม่น้ำแควน้อย แควใหญ่ และริมแม่น้ำแม่กลอง สถานีรถไฟ สถานีรถขนส่งผู้โดยสาร โรงแรม และรีสอร์ตต่างๆ โดยขอความร่วมมือต่อผู้ประกอบการให้ช่วยตรวจเช็กกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ให้มั่นใจว่าต้องใช้งานได้ และหากพบกระเป๋า กล่อง หรือถุง บรรจุสิ่งของต้องสงสัยว่าจะเป็นวัตถุอันตราย ให้รีบรายงานให้ทราบในทันที ซึ่งการป้องกันเพื่อเฝ้าระวังทั้งหมดตนได้สั่งการเป็นนโยบายให้เจ้าหน้าที่ทหารทุกนายปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด