xs
xsm
sm
md
lg

ศาลชี้ ‘กฟผ.’ รุกที่สาธารณะน่าน สร้างสายส่งไฟฟ้าไม่ขออนุญาต สั่งยุติโครงการแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ศาลปกครองเชียงใหม่พิพากษา ‘กฟผ.’ รุกพื้นที่สาธารณะเมืองน่าน สร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูงกระทบที่ทำกินชุมชน สั่งยุติโครงการ-คืนสภาพพื้นที่ให้เหมือนเดิม ด้านทนายย้ำ แม้เป็นหน่วยงานรัฐก็ต้องขออนุญาตใช้พื้นที่ตามกฎหมาย

วันนี้ (1 ต.ค.) ศูนย์ข้อมูลชุมชนแจ้งว่า วานนี้ (30 ก.ย.) ศาลปกครองเชียงใหม่ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ส.4/2557 ที่นางพวงทอง เลื่องลือ กับพวกรวม 17 คน ยื่นฟ้องการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในความผิดฐานเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่สาธารณประโยชน์ห้วยต้นผึ้ง และสวนป่าสาธารณะ (ป่าชุมชน) ค่าโขง ในท้องที่ ต.ดู่ใต้ อ.เมืองน่าน โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าและเสาไฟฟ้าแรงสูง

โดยศาลปกครองเชียงใหม่มีคำพิพากษาว่า การดำเนินการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพื่อก่อสร้างโครงการดังกล่าวถือเป็นการกระทำโดยไม่ชอบตามกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการอนุญาตให้ทบวงการเมืองใช้ที่ดินของรัฐ เพื่อประโยชน์ในราชการตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2541 กำหนดไว้

และพิพากษาให้ กฟผ. ในฐานะผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ยุติการก่อสร้าง รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และทำสภาพที่ดินในที่ป่าสาธารณประโยชน์ห้วยต้นผึ้งและสวนป่าสาธารณะ (ป่าชุมชน) ค่าโขง ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมหรือใกล้เคียงกับสภาพเดิม

นางสาว ส.รัตนมณี พลกล้า ทนายความฝ่ายผู้ฟ้องคดี ศูนย์ข้อมูลชุมชน กล่าวว่า คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากประชาชน ต.ดู่ใต้ อ.เมืองน่าน ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าและเสาไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมาตั้งแต่ต้นปี 2557

โดยชาวบ้านแจ้งว่า โครงการดังกล่าวดำเนินการก่อสร้างผ่านที่ดินสาธารณประโยชน์ 2 แปลง ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าชุมชนของหมู่บ้าน และพื้นที่ที่หมู่บ้านใช้ทำการเกษตรร่วมกัน โดยไม่มีการแจ้งชาวบ้านในพื้นที่และไม่มีการขออนุญาตใช้พื้นที่จากหน่วยงานใด

แต่ที่ผ่านมา กฟผ.ยังเดินหน้าดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้พื้นที่สาธารณะของชุมชนทรุดโทรมเสียหาย กระทบต่อวิถีการทำมาหากิน ศูนย์ข้อมูลชุมชนจึงได้เข้าให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ชาวบ้านในการฟ้องคดีตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2557

นางสาว ส. รัตนมณีกล่าวอีกว่า การฟ้องคดีนี้ก็เพื่อให้หน่วยงานราชการเห็นว่า แม้ตัวเองจะมีอำนาจตามกฎหมายในการดำเนินการใดๆ ก็ตาม แต่ก็ต้องเคารพในกฎหมายอื่นด้วย ไม่ใช่จะอ้างเพียงว่าเป็นหน่วยงานรัฐเหมือนกันก็ไม่ต้องขออนุญาต คดีนี้น่าจะเป็นตัวอย่างสำหรับหน่วยงานอื่นที่จะดำเนินโครงการใดๆ ก็ควรต้องเคารพในกฎหมายของตนและกฎหมายอื่นด้วย

ด้านนายวีรวัฒน์ อบโอ ทนายความผู้ฟ้องดคี ศูนย์ข้อมูลชุมชน ระบุว่า การที่ กฟผ.เข้าไปก่อสร้างโครงการในที่สาธารณประโยชน์โดยไม่ได้ขออนุญาตนั้น ถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองเชียงใหม่ได้ตัดสินให้ กฟผ.ยุติโครงการดังกล่าว และทำให้พื้นที่กลับคืนสู่สภาพเดิม การที่ประชาชนในพื้นที่มายื่นฟ้องคดีนี้ก็เพื่อให้ศาลได้ชี้ว่า กฟผ.ซึ่งแม้จะเป็นหน่วยงานของรัฐก็ไม่สามารถดำเนินการโครงการใดๆ โดยไม่เคารพต่อกฎหมายได้ และจำเป็นต้องขออนุญาตหน่วยงานพร้อมทั้งแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่ทราบอย่างถูกต้องก่อนที่จะเข้าไปดำเนินการก่อสร้างใดๆ

นางพวงทอง เลื่องลือ ตัวแทนชาวบ้านผู้ฟ้องคดี กล่าวว่า ชาวบ้านเห็นพ้องกับคำพิพากษาที่ตัดสินว่า กฟผ.ทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตว่าหากชาวบ้านเข้าไปก่อสร้างสิ่งใดๆ หรือใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณะโดยไม่ขออนุญาตเช่นเดียวกันนี้ ก็คงถูกดำเนินคดีอาญาข้อหาบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ไปแล้ว

ทั้งนี้ ชาวบ้านยังเปิดเผยว่า นอกจากพื้นที่ที่มีการฟ้องร้องกันนี้แล้ว ยังมีพื้นที่สาธารณะในอำเภออื่นที่โครงการนี้ก่อสร้างผ่าน ซึ่งไม่แน่ใจว่า กฟผ.ได้มีการดำเนินการขออนุญาตแล้วหรือไม่อย่างไรด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น