ตรัง - สตง. แจ้ง อบจ.ตรัง ยกเลิกการจัดทำโครงการ “เฝ้าระวังสุขภาพประชาชน” พร้อมเสนอเรียกเงินคืนย้อนหลังกว่า 43 ล้านบาท ด้านนายก อบจ.ตรัง ยันทุกอย่างถูกต้อง และจะยังคงเดินหน้าต่อไป
วันนี้ (22 ก.ย.) นายกิจ หลีกภัย นายก อบจ.ตรัง ยืนยันว่า อบจ.ตรัง ยังคงเดินหน้าจัดทำโครงการเฝ้าระวังสุขภาพประชาชน ประจำปี 2558 ต่อไป ถึงแม้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จ.ตรัง จะมีหนังสือให้ทาง อบจ.ระงับโครงการนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วก็ตาม ด้วยเหตุผลเพื่อการดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนตามนโยบายที่นายก อบจ.ได้แถลงไว้ต่อสภา อบจ.เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง อีกทั้งยังเป็นโครงการที่ประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะทาง อบจ.จัดบริการตรวจให้ฟรี แต่หากประชาชนไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลทั่วไปเอง จะต้องมีค่าใช้จ่ายคนละไม่ต่ำกว่า 3 พันบาท
อีกทั้งผลจากการดำเนินโครงการนี้มาหลายปีก็เห็นได้ชัดว่า ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาสนใจเรื่องสุขภาพของตัวเองมากขึ้น เนื่องจากจังหวัดตรังนับได้ว่าเป็นเมืองช่างกิน มีอาหารมากมายให้รับประทานกันได้ทั้งวันทั้งคืน ทำให้มีชาวตรังจำนวนมากต้องล้มป่วยลงด้วยโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน ปีหนึ่งเป็นจำนวนมาก ทาง อบจ.จึงต้องการเข้ามาช่วยดูแลแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการจัดทำโครงการเฝ้าระวังสุขภาพขี้นต่อเนื่องกันมานับสิบปีแล้ว แต่ล่าสุด กลับถูกทาง สตง.มองว่าเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว อบจ.ตรัง ตั้งงบประมาณไว้ 18 ล้านบาท สำหรับการดำเนินการในปี 58 เพื่อตรวจสุขภาพให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยง อายุ 35 ปีขึ้นไป จำนวน 3 หมื่นคน ด้วยการเจาะเลือด และเก็บตัวอย่างปัสสาวะ 11 รายการ ประกอบด้วย 1.ตรวจโรคอ้วน 2.ตรวจภาวะโภชนาการ 3.ตรวจคัดกรองการทำงานของต่อมไทรอยด์ 4.ตรวจการทำงานของไต 5.ตรวจการทำงานของไต 6.ตรวจกรดยูริกในเลือด 7. ตรวจการนับเม็ดเลือดครบ 8.ตรวจระดับแคลเซียมรวมในเลือด 9.ตรวจปัสสาวะ 10. ตรวจหมู่เลือด และ 11.ตรวจคัดกรองมะเร็ง ร้อยละ 10
นายสมพร ภูมิ ผู้อำนวยการ สตง.จังหวัดตรัง กล่าวว่า จากการตรวจสอบโครงการเฝ้าระวังสุขภาพประชาชน ในช่วงปี 52-57 มีการใช้งบประมาณไป 43 ล้านบาทเศษ และจากการวินิจฉัยเบื้องต้นเห็นว่า อบจ.ตรัง ไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ ทาง สตง.ตรัง จึงแจ้งขอให้ยุติโครงการนับตั้งแต่ปี 57 และจะเสนอให้เรียกเงินคืนทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการตรวจสอบเชิงปราบปรามและป้องกันความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดิน โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการวินิจฉัยชี้ขาดของผู้ว่าการ สตง. สำหรับกรณีเช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับ อบจ.หลายจังหวัดในภาคใต้ แต่หลังจากทาง สตง.ท้วงติงไปก็ยอมยุติโครงการ
