เชียงราย - เจ้าหน้าที่หอบเงินแสนรอประกันตัวสาวลาวจำเลยที่ถูก “นางไก่” แจ้งความดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ร่วม 3 ล้าน หวังให้ปากคำเป็นพยานมัดในคดีอื่น รอตั้งแต่เช้ากลับไม่พบแม้แต่เงา จนต้องประสานให้ จนท.ท้องถิ่นลาวช่วยเกลี้ยกล่อมอีกทาง ก่อนนัดหมายกันใหม่
วันนี้ (22 ก.ค.) พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน และตัวแทนกองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางไปที่ชายแดน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อจะประสานขอพบตัว น.ส.กาบแก้ว หญิงสาวชาวแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน เข้าให้ปากคำกรณีคดีนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือนางไก่ เคยแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อ น.ส.กาบแก้ว ข้อหาลักทรัพย์ จำนวน 12 รายการ มูลค่าประมาณ 2.9 ล้านบาท แต่ น.ส.กาบแก้ว ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาฝั่ง สปป.ลาว ไปก่อนหน้านี้แล้ว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำเงินกองทุนยุติธรรมประมาณ 100,000 บาทมาเพื่อประกันตัว น.ส.กาบแก้วด้วยเพื่อให้สามารถให้ปากคำและสอบถามถึงข้อมูลด้านอื่นๆ ได้ หลังจากก่อนหน้านี้มีกระแสสังคมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องว่าอาจมีการกลั่นแกล้งกันเกิดขึ้น และตัวนางมณตาเองก็พัวพันไปถึงอีกหลายคดี ซึ่ง น.ส.กาบแก้ว อาจให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคดีอื่นๆ ได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางคณะเจ้าหน้าที่ได้มีการประสานงานผ่านบุคคลต่างๆ เพื่อขอให้ น.ส.กาบแก้วข้ามมายังฝั่งไทยที่ สภ.เชียงแสน เบื้องต้นนัดหมายให้พบกันในช่วงสายที่ผ่านมา (22 ก.ค.) แต่ปรากฏว่า น.ส.กาบแก้วไม่ได้เดินทางข้ามมาพบกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามปกติการเดินทางระหว่าง อ.เชียงแสน กับเมืองต้นผึ้ง จะใช้เรือโดยสารเล็กจากท่าเรือเมืองต้นผึ้งมายังท่าเรือ อ.เชียงแสน ที่อยู่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และ สภ.เชียงแสน รวมทั้งติดกับที่ว่าการ อ.เชียงแสนด้วย แต่ปรากฏว่าเรือโดยสารจากลาวทุกลำมีชาวลาวทั่วไปที่เดินทางข้ามฝั่งไปมาตามปกติ แต่ไม่มี น.ส.กาบแก้ว ทำให้มีการประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อให้ช่วยเกลี้ยกล่อม น.ส.กาบแก้วให้ช่วยมาให้ปากคำด้วยเนื่องจากเจ้าตัวยังไม่ยอมข้ามมายังฝั่งไทย ก่อนที่ พล.ต.ต.จารุวัฒน์จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพื่อจะได้นัดหมายกันใหม่ต่อไป