อุบลราชธานี-กองกำกับการสืบสวนภาค 3 รวบเดนคุกใช้อาก้ายิงอริผู้มีพระคุณ โชคดีปืนขัดลำกล้องไม่ถึงตาย พร้อมขยายผลค้นได้ยาบ้าได้จากแฟนสาวกว่า 2,000 เม็ด
เมื่อเวลา 01.00 น. วันนี้ (1 ต.ค.) พ.ต.อ.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.3 พร้อมด้วย พ.ต.ท.กวินสิทธิ์ พัฒน์กิตติสกุล รอง ผกก.สส.3 นำหมายจับที่ จ.97/2558 ศาลจังหวัดเดชอุดม ที่ จ.97/2558 จับกุม นายวิจิตร ชินโชติ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 บ้านพรสวรรค์ หมู่ 2 ต.โนนสวรรค์ อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงกลางวันวันที่ 15 ส.ค.2558 ร.ต.ท.พเยาว์ เครือบุตร พนักงานสอบสวน สภ.บุญฑริก ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันริมถนนบ้านสร้างโมงจงเจริญ ต.หนองสะโน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน เมื่อเข้าตรวจที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บคือ นายคงคา นาคูณ อายุ 34 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามอาก้าที่ลำตัว 1 นัด อาการสาหัส
แต่คนร้ายพยายามจะเข้ามายิงซ้ำ พอดีปืนเกิดขัดลำกล้องคนร้ายจึงหลบหนีไป ทำให้นายคงคา รอดตายมาได้หวุดหวิด
ต่อมา ทีมสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ได้ลงพื้นที่หาเบาะแสจนทราบแน่ชัดว่า คนลงมือยิงนายคงคา คือ วิจิตร ชินโชติ ซึ่งก่อคดีมาโชกโชน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเข้าขอศาลจังหวัดเดชอุดมออกหมายจับดังกล่าว
หลังการสอบสวนนายวิจิตร สารภาพเพิ่งพ้นโทษคดีค้ายาเสพติด คดีฟอกเงิน และคดีฆ่าผู้อื่นตายเมื่อเดือนเมษายน 2558 หลังเข้าไปติดคุกอยู่นานเกือบ 10 ปี ระหว่างถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี ได้รับการคุ้มครองดูแลจากขาใหญ่ในเรือนจำรายหนึ่ง
เมื่อพ้นโทษออกมาก็ยังติดค้างเงินค่าซื้อข้าวของเครื่องใช้ และยาเสพติดในเรือนจำกับขาใหญ่รายนี้หลายหมื่นบาท พร้อมทั้งเมื่อพ้นโทษ นายวิจิตร ยังได้ขอยืมเงินอีก 2 หมื่นบาท เพื่อมาใช้ทำทุนซื้อยาบ้ามาจำหน่ายเลี้ยงตัวเอง แต่ผู้มีพระคุณได้ขอให้นายวิจิตร ยิงนายคงคา ทิ้ง เพราะมีความโกรธแค้นในเรื่องส่วนตัว
เมื่อสบโอกาส นายวิจิตร ได้เอาปืนอาก้าที่ซุกซ่อนไว้ตั้งแต่สมัยสงครามเขมรออกไปยิงนายคงคา แต่ปืนมีสภาพเก่า เมื่อยิงไปนัดแรกถูกลำตัวจนนายคงคา ล้มลง และจะเข้าไปซ้ำให้ตายสนิทปืนเกิดขัดลำกล้อง ประกอบกับมีชาวบ้านกำลังเดินทางผ่านมาจึงได้หลบหนีไป ทำให้นายคงคา เหยื่อรอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด
เมื่อทีมสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 นำตัวนายวิจิตร ไปค้นบ้านพักเพื่อหาปืนของกลาง ก็พบยาบ้าที่ซื้อมาเตรียมจำหน่ายให้แก่วัยรุ่นซุกซ่อนอยู่ในบ้านอีก 2,000 เม็ด เมื่อค้นในตัว น.ส.ปิยะนุช บุ้งทอง อายุ 23 ปี แฟนสาวผู้ต้องหาที่อยู่ในบ้านก็พบยาบ้าอีก 100 เม็ด
จึงยึดของกลาง และควบคุมตัว น.ส.ปิยะนุช มาดำเนินคดีฐานร่วมกันมีอาวุธสงครามที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตไม่ได้อยู่ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย เสพและมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายดำเนินคดีต่อไป