xs
xsm
sm
md
lg

แม่ค้าโวยตลาด “เมืองใหม่ช่องสะงำ” ร้าง! ไร้เงานักท่องเที่ยว-ชาวกัมพูชามาซื้อสินค้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เมืองใหม่ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ร้างซึ่งรถยนต์ ประชาชนนักท่องเที่ยว และชาวกัมพูชา เข้ามาท่องเที่ยว หาซื้อสินค้าอาหาร ไม่เป็นไปตามที่ทางราชการแจ้งไว้ วันนี้ ( 28 ก.ย.)
ศรีสะเกษ - แม่ค้าเมืองใหม่ช่องสะงำ ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ โวยลั่นไร้เงาประชาชน นักท่องเที่ยว และชาวกัมพูชา มาซื้อสินค้ากลายเป็นเมืองร้าง เหตุผ่านแดนไม่สะดวก อีกทั้งไม่มีรถประชาชนนักท่องเที่ยวมาจอดตามที่ทางราชการแจ้งไว้ ทำให้ไม่สามารถขายสินค้า-อาหารได้ แฉรถยนต์แห่ไปจอดที่จุดผ่านแดนเช่นเดิม พร้อมกลุ่มคนมีสีคอยดูแลเก็บผลประโยชน์

วันนี้ (28 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เมืองใหม่ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับการร้องทุกข์จากบรรดาพ่อค้า แม่ค้าที่เปิดร้านจำหน่ายสินค้าและร้านขายอาหาร ที่บริเวณเมืองใหม่ช่องสะงำ ซึ่งกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้เดิมเปิดร้านขายสินค้าอยู่ที่บริเวณตลาดเก่า ติดกับจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ แต่ทางราชการให้ย้ายลงมาอยู่ที่เมืองใหม่ช่องสะงำ ซึ่งมีการจัดสร้างระบบสาธารณูปโภค อาคารร้านค้าและตลาดโรงเกลือช่องสะงำขึ้นมา ซึ่งใช้เงินงบประมาณไปเป็นจำนวนมาก เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้ามาเช่าร้านขายสินค้า

โดยทางราชการแจ้งว่าจะให้รถทุกคัน ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถโดยสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถทัวร์นักท่องเที่ยวทั่วไปที่จะเข้าไปที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ให้มาจอดรถที่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารเมืองใหม่ช่องสะงำ

แต่ปรากฏว่าขณะนี้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่มีรถโดยสาร รวมทั้งรถนักท่องเที่ยวมาจอดที่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารแต่อย่างใด ขณะเดียวกันชาวกัมพูชาที่เป็นลูกค้าหลักก็ไม่สามารถข้ามแดนมาหาซื้อสินค้าได้สะดวกเหมือนเช่นเคย เนื่องจากทางราชการกำหนดให้ใช้พาสปอร์ตและใบผ่านแดนเท่านั้น ทำให้ชาวกัมพูชาซึ่งส่วนมากไม่มีพาสปอร์ตและใบผ่านแดนเข้ามาหาซื้อสินค้าได้

ส่งผลให้พ่อค้า แม่ค้าชาวไทยได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากเพราะไม่สามารถขายสินค้าได้ อีกทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเช่าสถานที่ ทำให้บรรยากาศบริเวณเมืองใหม่ช่องสะงำเงียบเหงามาก

นางวงเดือน ไชยนรา อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 305/6 หมู่ 8 ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า พวกตนจะขายสินค้าได้เฉพาะ 2 วันเท่านั้น คือ วันพฤหัสบดี และวันอาทิตย์ ซึ่งมีการเปิดให้มีตลาดนัดไทย-กัมพูชาขึ้น โดยขายได้เพียงช่วงเช้าที่มีการอนุญาตให้ชาวกัมพูชาข้ามแดนเข้ามาหาซื้อสินค้า

ส่วนวันอื่นๆ ไม่มีลูกค้าชาวกัมพูชาเข้ามาหาซื้อสินค้าแต่อย่างใด สาเหตุเนื่องจากทางราชการของไทยกำหนดว่าชาวกัมพูชาที่จะเข้ามาต้องใช้พาสปอร์ตและใบผ่านแดนเท่านั้น ซึ่งชาวกัมพูชาที่เข้ามาหาซื้อสินค้าส่วนมากแล้วไม่มีพาสปอร์ต เนื่องจากการทำพาสปอร์ตของกัมพูชามีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ทำให้การค้าขายที่เมืองใหม่ช่องสะงำค่อนข้างเงียบเหงามาก รอวันที่พวกเราจะพากันปิดกิจการเท่านั้นเพราะไม่สามารถที่จะแบกภาระค่าใช้จ่ายในการเปิดร้านขายสินค้าต่อไปได้

อีกทั้งรถยนต์ทุกประเภทไม่ได้ผ่านเข้ามาจอดรับส่งผู้โดยสารที่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารเมืองใหม่ช่องสะงำ แต่รถทุกคันวิ่งตรงเข้าไปจอดที่ด่านช่องสะงำ ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาที่บริเวณเมืองใหม่ช่องสะงำ ส่งผลให้พวกตนไม่สามารถที่จะขายสินค้าได้ แม้แต่ร้านก๋วยเตี๋ยวก็ไม่สามารถขายได้แม้แต่ชามเดียวเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามานั่นเอง

นางสายสมร พาบุตร เจ้าของร้านขายรองเท้าและหมวกที่บริเวณตลาดโรงเกลือช่องสะงำ กล่าวว่า ก่อนที่พวกตนจะย้ายเข้ามาเปิดร้านขายสินค้าที่ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ ทาง จ.ศรีสะเกษแจ้งว่าจะให้รถทุกคันเข้ามาจอดที่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารเมืองใหม่ช่องสะงำ จากนั้นจะมีรถโดยสารรับส่งนักท่องเที่ยว รวมทั้งผู้ที่จะเข้าไปเล่นการพนันที่กาสิโนและเล่นพนันบั้งไฟในเขตกัมพูชา แต่ปรากฏว่าขณะนี้ไม่มีรถทุกชนิดเข้ามาจอดที่สถานีขนส่ง ทำให้สถานีขนส่งกลายเป็นสถานีร้าง และพวกตนไม่สามารถขายสินค้าได้ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนมาก ต้องกู้ยืมเงินมาลงทุนในการค้าขาย

จึงขอร้องทุกข์ไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้มีอำนาจ เพื่อให้พิจารณาแก้ไขให้มีรถโดยสารและรถนักท่องเที่ยวเข้ามาจอดที่บริเวณสถานีขนส่งเมืองใหม่ช่องสะงำตามที่เคยแจ้งเอาไว้โดยด่วนด้วย เนื่องจากพวกตนต้องแบกภาระหนี้สินจำนวนมากเพราะไม่สามารถขายสินค้าได้ ยกเว้นช่วงที่มีตลาดนัดในวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์เท่านั้นที่จะมีคนเข้ามาซื้อสินค้า ส่วนวันอื่นๆ อีก 5 วันใน 1 สัปดาห์ สภาพของเมืองใหม่ช่องสะงำแทบกลายเป็นเมืองร้างเพราะเงียบเหงามาก ขณะที่รถทุกชนิดวิ่งเข้าไปจอดอยู่ที่ด่านช่องสะงำวันละกว่า 600 คัน

ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้รับทราบปัญหาของบรรดาพ่อค้า แม่ค้าที่บริเวณเมืองใหม่ช่องสะงำแล้ว จึงได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ พบว่ามีรถจำนวนหลายร้อยคันเข้าไปจอดอยู่ โดยมีการจัดที่จอดรถในที่สาธารณประโยชน์ รวมทั้งมีการจัดให้มีที่จอดรถสองข้างทางแล้วเก็บเงินค่าจอดรถคันละ 40 บาท โดยทราบว่าเป็นกลุ่มคนมีสีคอยดูแลผลประโยชน์เก็บค่าจอดรถ และมีการอนุญาตให้ลูกเมียของคนมีสีมาเปิดร้านขายอาหารภายในบริเวณที่รับฝากรถได้ ขณะที่แม่ค้าคนอื่นๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาขายของบริเวณใกล้กับด่านช่องสะงำนี้

จึงขอฝากไปถึงส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกส่วน ขอให้เข้ามาดูแลจัดระเบียบการจอดรถทุกชนิด ทั้งรถโดยสารและรถนักท่องเที่ยวทั่วไปให้เข้าไปจอดที่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารเมืองใหม่ช่องสะงำ ตามที่เคยได้แจ้งให้บรรดาพ่อค้า แม่ค้า และชาวบ้านทั่วไปที่พากันมาอาศัยอยู่ที่บริเวณเมืองใหม่ช่องสะงำได้รับทราบ จะได้เป็นการทำให้เมืองใหม่ช่องสะงำเป็นเมืองเศรษฐกิจชายแดนไทย-กัมพูชา แทนที่จะกลายเป็นเมืองร้างที่อยู่ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ โดยขอให้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนด้วย เพื่อจะได้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยวที่บริเวณเมืองใหม่ช่องสะงำอย่างเต็มที่ต่อไป






(กลาง)ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ

กำลังโหลดความคิดเห็น