ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - โคราชงัด 7 มาตรการแผนบริหารจัดการน้ำป้องกันปัญหาภัยพิบัติแล้งหนัก หลังน้ำเขื่อนยังน้อย หวั่นขาดแคลนรุนแรงในปี 59 สั่งเทศบาลนครฯ เร่งสูบน้ำจากเขื่อนลำแชะเต็มพิกัดงดสูบจาก “เขื่อนลำตะคอง” พร้อมให้ประปาทุกแห่งเก็บสำรองน้ำให้ได้มากที่สุด และทุกเขื่อนบริหารจัดการน้ำร่วมกันเสมือนเป็นเขื่อนเดียว หากภาวะไม่ปกติให้ใช้อำนาจทางปกครองโดยผู้ว่าฯ
วันนี้ (24 ก.ย.) นายภานรินทร์ ภาณุพินทุ นายช่างชลประทานอาวุโส ปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำของจังหวัดนครราชสีมาทั้งขนาดใหญ่ 5 โครงการ และขนาดกลาง 22 โครงการว่า ล่าสุดมีปริมาณน้ำรวม 416.24 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 35.43 ของความจุระดับกักเก็บรวม 1,174.76 ล้าน ลบ.ม. น้อยกว่าปีที่แล้วซึ่งมีปริมาณน้ำ 564.64 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 48 ของความจุระดับกักเก็บรวม
โดยเขื่อนขนาดใหญ่ 5 โครงการมีปริมาณน้ำรวม 322.76 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 34 ของความจุระดับกักเก็บ 948 ล้าน ลบ.ม. ประกอบด้วย เขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว แหล่งน้ำดิบผลิตประปาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 100 แห่ง ที่นำน้ำไปผลิตประปาให้บริการประชาชนและหล่อเลี้ยงเมืองโคราช มีปริมาณน้ำ 93 ล้าน ลบ.ม. (น้ำใช้การได้ 74 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 29.60 ของความจุระดับกักเก็บ 314 ล้าน ลบ.ม.
เขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย มีปริมาณน้ำ 61.90 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 56.46 ของความจุระดับกักเก็บ 109 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนลำมูลบน อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำเหลือ 40.29 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 28.58 ของความจุระดับกักเก็บ 141 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนลำแชะ อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำเหลือ 78.19 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ28.43 ของความจุระดับกักเก็บ 275 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนลำปลายมาศ อ.เสิงสาง มีปริมาณน้ำ 43.82 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 44.71 ของความจุระดับกักเก็บ 98 ล้าน ลบ.ม.
ส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 22 โครงการ มีปริมาณน้ำ 93.49 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 41.23 ของความจุที่ระดับกักเก็บรวม 226.74 ล้าน ลบ.ม.
นายภานรินทร์กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์น้ำดังกล่าวถือว่าปีนี้มีปริมาณน้ำกักเก็บน้อยมาก หากไม่มีฝนเติมลงมาอีก จ.นครราชสีมาหนีไม่พ้นเกิดปัญหาแล้งอย่างหนักแน่นอน ทั้งนี้ ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคองได้มีการเสนอแนวทางเข้าสู่คณะกรรมการระดับจังหวัดเพื่อเตรียมแผนบริหารจัดการน้ำป้องกันปัญหาภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นจากปรากฏการณ์เอลนีโญในปี 2559 ก่อนจะเกิดปัญหาภัยพิบัติขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรงเกิดขึ้น ดังนี้
1. ให้เทศบาลนครนครราชสีมาสูบน้ำจากเขื่อนลำแชะเต็มพิกัดอัตราสูงสุดวันละ 100,000 ลบ.ม., 2. ให้เทศบาลนครฯ งดการสูบน้ำจากเขื่อนลำตะคอง เพื่อเก็บสำรองน้ำที่เหลือในเขื่อนไว้ให้การประปาส่วนภูมิภาคสีคิ้ว และการประปารายอื่นที่ไม่สามารถใช้น้ำจากเขื่อนอื่นได้
3. ให้ทางเทศบาลนครฯ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อส่งน้ำจากโรงกรองอัษฎางค์ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ไปให้โรงกรองมะขามเฒ่า ต.บ้านใหม่ อ.เมืองนครราชสีมา เพื่อให้มีน้ำจ่ายตามปกติ ถึงแม้จะงดสูบน้ำจากเขื่อนลำตะคองแล้วก็ตาม
4. เขื่อนลำแชะและเขื่อนลำมูลบน ต้องเก็บสำรองน้ำไว้ให้การประปาส่วนภูมิภาคนครราชสีมาและการประปาอื่นที่ใช้น้ำจากลำมูลด้านท้ายเขื่อนตั้งแต่ อ.ครบุรี, โชคชัย, เฉลิมพระเกียรติ โดยคำนวณน้ำให้มีน้ำดื่มน้ำใช้ได้เพียงพอตลอดฤดูแล้งปี 2559 และต้องงดการปลูกพืชฤดูแล้งปี 2559 ในเขตชลประทานท้ายเขื่อนทั้งหมด
5. เขื่อนลำพระเพลิง เช่นเดียวกัน ต้องกันสำรองน้ำไว้ให้การประปาและเขตรับผิดชอบ และต้องส่งน้ำเข้าลำมูลลงมาที่ อ.เฉลิมพระเกียรติด้วย เพื่อช่วยเหลือการประปาส่วนภูมิภาคนครราชสีมา สมทบกับน้ำที่ปล่อยออกมาจากเขื่อนมูลบนและเขื่อนลำแชะ รวมทั้งต้องงดการปลูกพืชฤดูแล้งในพื้นที่ชลประทานท้ายเขื่อนทั้งหมด
6. ต้องบริหารจัดการน้ำร่วมกันทุกเขื่อนเสมือนเป็นเขื่อนเดียวกัน เพื่อให้เมืองโคราชรอดพ้นวิกฤตขาดแคลนน้ำที่อาจเกิดขึ้นในปี 2559 และ 7. ในภาวะที่ไม่ปกติ ต้องใช้อำนาจทางการปกครองโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน แก้ปัญหาร่วมกัน จึงจะฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคได้สำเร็จ ทั้งนี้หากทุกฝ่ายร่วมมือกันจะทำให้ จ.นครราชสีมาสามารถฝ่าวิกฤตแล้งไปได้
