xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านเดือดร้อนหนักถูกเรียกเก็บค่าน้ำประปาสูงเกือบ 2 หมื่นบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สุราษฎร์ธานี - ชาวประมงพื้นบ้านในอำเภอเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี กว่า 20 ครัวเรือน ทุกข์หนัก หลังเจอบิลค่าน้ำประปาภูมิภาคสุราษฎร์ธานี เรียกเก็บหลังละกว่า 3,000 บาท จนถึง 20,000 บาท วอนนายกฯ ตู่ช่วยด่วน

เช้าวันนี้ (24 เม.ย.) ที่หมู่บ้านชาวประมงพื้นบ้านบ้านคลองทองหลวง ม.5 ต.คลองฉนาก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 20 ครัวเรือน ร้องเรียนผู้สื่อข่าว พร้อมชูบิลเรียกเก็บค่าน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่มีการออกบิลมาเรียกเก็บเป็นยอดจำนวนเงินที่สูงถึงเกือบ 20,000 บาท ซึ่งชาวบ้านบอกว่า ประชาชนในหมู่บ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำการประมงพื้นบ้าน ขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนหนักจากบิลค่าน้ำประปาของประปาภูมิภาคจังหวัดสุราษฎร์ธานีประจำเดือนธันวาคม 2559 มียอดเงินเรียกเก็บที่พุ่งสูงกว่าปกติตั้งแต่ยอด 3,000 เศษ จนสูงสุดเกือบ 2 หมื่นบาท ทั้งที่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา มีอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่เป็นเวลานานเกือบ 1 เดือน ชาวบ้านแทบไม่ได้ใช้น้ำ ชาวบ้านทำเรื่องให้การประปาตรวจสอบเรื่องความผิดปกติของค่าน้ำ แต่ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ าถูกต้อง ผู้ใช้น้ำต้องไปชำระหนี้ และเรียกให้ไปทำสัญญาผ่อนส่งเป็นรายเดือนๆ ละขั้นต่ำ 500 บาท หากไม่ไปทำตามทางเจ้าหน้าที่จะส่งคนมาถอดมิเตอร์น้ำ สร้างความหวาดวิตกแก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก

น.ส.สุรีพร ชื่นใจ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 ม.5 ต.คลองฉนาก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ตนมีอาชีพค้าขายตามตลาดนัด มีรายได้วันละประมาณ 300-400 บาท บางวันก็ไม่มีรายได้ แต่ที่บ้านถูกเรียกเก็บค่าประปาในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาสูงถึง 4,076.49 บาท จากปกติ 200 กว่าบาท ตนได้ร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแต่เรื่องไม่มีความคืบหน้า ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ประปาภูมิภาคสุราษฎร์ธานี ได้โทรศัพท์มาพูดจาข่มขู่ว่าชาวบ้านจะสู้อย่างไรไม่มีวันชนะขอให้ไปทำสัญญาผ่อนส่ง หากไม่ไปดำเนินการจะส่งคนมาถอดมิเตอร์น้ำ จนทำให้ทุกวันนี้เกิดความหวาดกลัวหากถูกถอดมิเตอร์ก็ไม่มีน้ำใช้ และกลัวจะถูกคดีความอีกด้วย

ในขณะที่ นางอำพันธ์ ศักดิ์ศรี อยู่บ้านเลขที่ 252 ม.5 ต.คลองฉนาก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า บิลค่าน้ำที่ออกมาเดือนธันวาคม 2559 เช่นเดียวกัน มียอดสูงถึง 19,253.85 บาท จากก่อนหน้านี้มียอดค่าน้ำเพียงเดือนละ 200-300 บาท เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ประปาติดตามทวงถาม และข่มขู่ด้วยความกลัวจึงได้ไปทำสัญญาที่เจ้าหน้าที่บังคับให้ผ่อนส่งเดือนละ 1,000 บาท แต่ตนยังไม่มีเงินจ่าย เนื่องจากครอบครัวตนเองประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน และปัจจุบันถูกกฎหมายประมงบังคับเกี่ยวกับอุปกรณ์การใช้จับสัตว์น้ำ จึงทำให้รายได้ไม่พอรายจ่าย ทุกวันนี้ต้องตกอยู่ในความทุกข์มีหวาดกลัวจะถูกเจ้าหน้าที่ประปามายกมิเตอร์น้ำ ประกอบกับน้ำประปาก็ไม่ค่อยจะไหล ต้องตักน้ำในลำคลองขึ้นมาใช้อีกด้วย

ซึ่งในวันนี้มีชาวบ้านนำบิลค่าน้ำประปาประจำเดือนธันวาคม 2559 ที่ทางการประปาภูมิภาคสุราษฎร์ธานี เรียกเก็บมาให้ผู้สื่อข่าวดูประกอบด้วย นางอำพันธ์ ศักดิ์ศรี บ้านเลขที่ 252 ม.5 ต.คลองฉนาก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี มียอดเรียกเก็บ จำนวน 19,253.85 บาท น.ส.สุรีพร ชื่นใจ บ้านเลขที่ 20 ม.5 ต.คลองฉนาก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ยอดเรียกเก็บ 3,809.80 บาท นายวิโรจน์ คนสัน บ้านเลขที่ 46/1 ม.5 ต.คลองฉนาก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ยอดเรียกเก็บ 6,435.75 บาท นายอรงค์ ศักดิ์ศรี บ้านเลขที่ 25 ม.5 ต.คลองฉนาก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ยอดเรียกเก็บ 5,741.บาท นายสมพร อินทคชสาร บ้านเลขที่ 21/3 ม.4 ต.คลองฉนาก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ยอดเรียกเก็บ 3,983.40 บาท นายชั้น ศักดิ์ศรี บ้านเลขที่ 20/1 ม.5 ต.คลองฉนาก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ยอดเรียกเก็บ 4,330.60 บาท น.ส.พรทิพย์ ศักดิ์ศรี บ้านเลขที่ 19 ม.5 ต.คลองฉนาก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ยอดเรียกเก็บ 6,522.75 บาท และนางพินิจ ดำคง บ้านเขที่ 34 ม.5 ต.คลองฉนาก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ยอดเรียกเก็บ 5,350.50 บาท

ชาวบ้านยังบอกว่า ยังมีผู้ที่ถูกเรียกเก็บค่าน้ำประปาเดือนธันวาคม 2559 ที่ยอดเรียกเก็บสูงเกินจากปกติอีกจำนวนกว่า 20 ราย ที่ผ่านมา ได้มีการรวมตัวกันร้องเรียนยังสำนักงานประปาภูมิภาคสุราษฎร์ธานี ให้มาตรวจสอบความผิดปกติของค่าน้ำ แต่ทางการประปายืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำถูกต้องทั้งหมด ทางผู้ใช้น้ำต้องจ่ายตามบิลเรียกเก็บ ไปร้องเรียนยังศูนย์ดำรงธรรมเรื่องก็ยังไม่มีคืบหน้า

ซึ่งล่าสุด ทางการประปาได้ติดตามทวงหนี้ให้ชาวบ้านต้องจ่ายค่าน้ำตามใบเรียกเก็บ พร้อมขอให้ผู้ใช้น้ำไปทำสัญญาผ่อนส่งค่าน้ำประปาอย่างต่ำเดือนละ 500 บาท หากไม่ยินยอมจ่ายทางเจ้าหน้าที่จะส่งคนมายกมิเตอร์น้ำ ซึ่งบางรายกลัวต้องไปทำสัญญาแต่ก็ไม่มีเงินจ่าย ต้องอยู่กันอย่างหวาดผวาไม่มีน้ำใช้ จึงจำเป็นต้องร้องเรียนสื่อให้ช่วยนำเสนอข่าว เพื่อนำความเดือดร้อนของคนในหมู่บ้านไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น