ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือเดินหน้าขึ้นบินทำฝนหลวงต่อเนื่องเพื่อเร่งกู้วิกฤตภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและเร่งเติมน้ำเข้าเขื่อนหลักตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เผยปริมาณน้ำใน 2 เขื่อนสำคัญของเชียงใหม่ ทั้งแม่งัด-แม่กวง เหลือไม่ถึง 25% ต้องลุ้นหนัก
จากภาวะฝนตกทิ้งช่วงจนมีปริมาณน้ำในเขื่อนไม่เพียงพอในแต่ละพื้นที่ ประกอบกับหลังการพัดผ่านของพายุหว่ามก๋อที่มีโอกาสเกิดฝนหลวงได้ง่ายกว่าปกติ ล่าสุดจากคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศออกบินโปรยสาร เร่งเติมน้ำในเขื่อนต่างๆ ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ออกปฏิบัติการวันละ 9 เที่ยวบิน รวมทั้งเช้าบ่าย
โดยที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ นายรังสรรค์ บุญเมือง นักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการและหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเชียงใหม่ เผยว่า จากข้อสั่งการของท่านนายกรัฐมนตรีที่ได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั้งหมด 9 หน่วยทั่วประเทศ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือมีหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ดูแลพื้นที่ทั้งหมด 2 หน่วย คือที่จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดเชียงใหม่ และมี 2 ฐานเติมสารทำฝนหลวงที่จังหวัดตาก และจังหวัดแพร่
โดยพื้นที่ที่ต้องเร่งดำเนินการเติมน้ำในขณะนี้คือพื้นที่เขื่อนภูมิพล และพื้นที่เขื่อนสิริกิติ์ และสำหรับจังหวัดเชียงใหม่จะมีเขื่อนแม่กวง และเขื่อนแม่งัด ที่ใช้ในการชลประทานของจังหวัดลำพูน และจังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่ลุ่มลำน้ำนั้นยังคงครอบคลุมพื้นที่แม่น้ำปิงเกือบทั้งลุ่มน้ำตั้งแต่อำเภอเชียงดาวลงมา ส่วนพื้นที่ทางการเกษตรที่ยังต้องเร่งดำเนินการอยู่ ซึ่งขณะเดียวกันที่จังหวัดเชียงใหม่มีการร้องขอในพื้นที่อำเภอฮอด อำเภออมก๋อย และอำเภอดอยเต่า ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกันกับอำเภอบ้านโฮ่ง อำเภอทุ่งช้าง และอำเภอลี้ ของจังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำเดียวกันที่มีการร้องขอฝนมาบริเวณตอนกลางของลุ่มลำน้ำเขื่อนภูมิพล สำหรับหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพิษณุโลกจะดูแลพื้นที่ ประกอบด้วย จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดตาก
ขณะเดียวกัน จากการที่ได้มีการเกิดพายุหว่ามก๋อพัดผ่านเข้ามา และช่วงท้ายก่อนที่จะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลอันดามัน ส่งผลให้ภาคเหนือโดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่มีฝนตกต่อเนื่อง 1-2 วัน และลักษณะเช่นนี้ก็ทำให้ลุ่มลำน้ำเขื่อภูมิพลตอนล่างมีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นเฉลี่ยวันละ 20-30 ล้านลูกบาศก์เมตรไหลเข้ามา
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (20 ก.ย. 58) พบว่ามีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนประมาณ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์น้อยเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำที่จะเข้าไปอีกและที่เขื่อนภูมิพลยังสามารถรองรับได้หลายพันล้านล้านลูกบาศก์เมตร โดยจากเหตุการณ์นี้ทางศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงยังคงเก็บข้อมูลและทุกความเป็นไปได้เพื่อที่จะใช้เป็นโอกาสในการปฏิบัติการต่อไป
ล่าสุดสถานการณ์น้ำใน 2 เขื่อนหลักของเชียงใหม่ยังคงวิกฤตเนื่องจากมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนน้อยมาก โดยที่เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ จากปริมาณกักเก็บ 265 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่มีปริมาณน้ำกักเก็บเพียง 63 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 24 ของความจุ ปริมาณน้ำใช้ได้จริงร้อยละ 15 หรือ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเพียง 0.27 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ถึงปัจจุบันมีเพียง 71.26 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ปริมาณน้ำสะสมที่ปล่อยออกแล้ว 163.77 ล้านลูกบาศก์เมตร ถือว่ามีการปล่อยออกมากกว่าน้ำไหลเข้า
ส่วนที่เขื่อนแม่กวงอุดมธารา อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพบว่าวิกฤตหนักที่สุดของเขื่อนภาคเหนือ จากปริมาณกักเก็บ 263 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่มีปริมาณน้ำกักเก็บเพียง 29 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 11 ของความจุ ปริมาณน้ำใช้ได้จริงร้อยละ 6 หรือ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเพียง 0.03 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ถึงปัจจุบันมีเพียง 36.10 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ปริมาณน้ำสะสมที่ปล่อยออกแล้ว 49.57 ล้านลูกบาศก์เมตร ถือว่ามีการปล่อยออกมากกว่าน้ำไหลเข้า