ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมทหารและฝ่ายปกครอง ร่วมแถลงผลการสกัดกั้นจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า 2 คดี กว่า 5 แสนเม็ด ซึ่งสามารถจับกุมได้คาด่านตรวจตามยุทธศาสตร์การสกัดกั้น เบื้องต้นคาดเป็นเครือข่ายพันโทยี่เซ
วันนี้(11 ส.ค.58) ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 พลตำรวจโทธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยผู้แทนจากมณฑลทหารบกที่ 33,กองกำลังผาเมือง และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติด 2 คดี ซึ่งเป็นผลการดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์การสกัดกั้นด่านตรวจหลัก 43 แห่ง และแผนการสกัดกั้นรอบด่านตรวจและเส้นทางหลบเลี่ยงด่าน
คดีแรก เมื่อวันที่ 10 ส.ค.58 ประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านแม่พริก อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ นายยุทธศาสตร์ ลีสกุลทอง อายุ 29 ปี และนางหมายฮัว แซ่ท่อ อายุ 18 ปี สองสามีภรรยาชาวอำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก พร้อมของกลางยาบ้า 538,000 เม็ด ซุกซ่อนในช่องแอร์ใต้หลังคารถตู้สีขาว ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน ฮล-3784 กรุงเทพฯ และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง
เบื้องต้นสารภาพว่ารับยาบ้ามาจากริมถนนใกล้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ที่มีคนเอามาทิ้งไว้ให้ จากนั้นขับรถจากเชียงรายไปทางพะเยาและเชียงใหม่ ก่อนที่จะแวะแพ็คยาบ้าบนถนนช่วงจังหวัดลำพูน กระทั่งผ่านไปถึงด่านตรวจ อ้างว่าพาลูกและหลาน 4 คนนั่งมาด้วยไปท่องเที่ยว แต่เจ้าหน้าพบพิรุธ จึงตรวจค้นจับกุมได้ในที่สุด ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่าทำเป็นครั้งที่สอง โดยครั้งนี้จะนำไปส่งที่กรุงเทพฯ หากสำเร็จจะได้ส่วนแบ่งนับล้านบาท ซึ่งตั้งใจจะเก็บเงินไว้ใช้เลี้ยงดูลูก
ขณะที่คดีต่อมา เมื่อ เวลา 03.30 น.วันนี้(11 ส.ค.58) เจ้าหน้าที่ด่านผาหงส์ อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหา 1 คน คือ นายเลาเสอ อาจู่ อายุ 36 ปี ชาวอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมตรวจยึดของกลางยาบ้า 80,000 เม็ด ซุกซ่อนในกระสอบปุ๋ยวางอยู่ช่องว่างหน้ารถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง หมายเลขทะเบียน 1กข-8698 เชียงใหม่ และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
ผู้ต้องหาสารภาพว่าได้เงินค่าจ้าง 300,000 บาท นำยาบ้าจากอำเภอฝาง ไปส่งที่อำเภอไชยปราการ ซึ่งทำมาหลายครั้งแล้ว กระทั่งเพิ่งมาถูกจับ
ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 บอกว่า ผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้าที่สามารถจับกุมได้ทั้ง 2 คดีในครั้งนี้ เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นเครือข่ายพันโทยี่เซ ซึ่งทางหน่วยงานตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองจะร่วมกันทำการขยายผลและบูรณาการในการทำงานอย่างต่อเนื่องต่อไป
วันนี้(11 ส.ค.58) ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 พลตำรวจโทธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยผู้แทนจากมณฑลทหารบกที่ 33,กองกำลังผาเมือง และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติด 2 คดี ซึ่งเป็นผลการดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์การสกัดกั้นด่านตรวจหลัก 43 แห่ง และแผนการสกัดกั้นรอบด่านตรวจและเส้นทางหลบเลี่ยงด่าน
คดีแรก เมื่อวันที่ 10 ส.ค.58 ประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านแม่พริก อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ นายยุทธศาสตร์ ลีสกุลทอง อายุ 29 ปี และนางหมายฮัว แซ่ท่อ อายุ 18 ปี สองสามีภรรยาชาวอำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก พร้อมของกลางยาบ้า 538,000 เม็ด ซุกซ่อนในช่องแอร์ใต้หลังคารถตู้สีขาว ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน ฮล-3784 กรุงเทพฯ และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง
เบื้องต้นสารภาพว่ารับยาบ้ามาจากริมถนนใกล้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ที่มีคนเอามาทิ้งไว้ให้ จากนั้นขับรถจากเชียงรายไปทางพะเยาและเชียงใหม่ ก่อนที่จะแวะแพ็คยาบ้าบนถนนช่วงจังหวัดลำพูน กระทั่งผ่านไปถึงด่านตรวจ อ้างว่าพาลูกและหลาน 4 คนนั่งมาด้วยไปท่องเที่ยว แต่เจ้าหน้าพบพิรุธ จึงตรวจค้นจับกุมได้ในที่สุด ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่าทำเป็นครั้งที่สอง โดยครั้งนี้จะนำไปส่งที่กรุงเทพฯ หากสำเร็จจะได้ส่วนแบ่งนับล้านบาท ซึ่งตั้งใจจะเก็บเงินไว้ใช้เลี้ยงดูลูก
ขณะที่คดีต่อมา เมื่อ เวลา 03.30 น.วันนี้(11 ส.ค.58) เจ้าหน้าที่ด่านผาหงส์ อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหา 1 คน คือ นายเลาเสอ อาจู่ อายุ 36 ปี ชาวอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมตรวจยึดของกลางยาบ้า 80,000 เม็ด ซุกซ่อนในกระสอบปุ๋ยวางอยู่ช่องว่างหน้ารถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง หมายเลขทะเบียน 1กข-8698 เชียงใหม่ และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
ผู้ต้องหาสารภาพว่าได้เงินค่าจ้าง 300,000 บาท นำยาบ้าจากอำเภอฝาง ไปส่งที่อำเภอไชยปราการ ซึ่งทำมาหลายครั้งแล้ว กระทั่งเพิ่งมาถูกจับ
ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 บอกว่า ผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้าที่สามารถจับกุมได้ทั้ง 2 คดีในครั้งนี้ เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นเครือข่ายพันโทยี่เซ ซึ่งทางหน่วยงานตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองจะร่วมกันทำการขยายผลและบูรณาการในการทำงานอย่างต่อเนื่องต่อไป
