บช.ปส.แถลงจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรวม 5 คดีในพื้นที่และปริมณฑล ยึดของกลางทั้งยาบ้า และยาไอซ์ จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 13 ราย
วันนี้ (3 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราปราบยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.(ปส.1) พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส.และพล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมคดียาเสพติดจำนวน 5 คดี ดังนี้
คดีแรกเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายเกรียงไกร จอมพล อายุ 23 ปี, นายมนัสฐพงค์ เพชรชนะ อายุ 35 ปี และนายไพศาล จอมพล อายุ 21 ปี พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 63,000 เม็ด ไอซ์น้ำหนักประมาณ 270 กรัม และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณร้านบริการยางรถยนต์ ถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา แขวงพลับพลาไชย เขตวังทองหลาง กทม. ต่อเนื่องบริเวณห้องพักเลขที่ 7414 มโนรัตน์ อพาร์ตเมนต์ ถนนสุขลาภิบาล 1 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. เมื่อเวลาประมาณ 02.40 น.ของวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดพื้นที่ภาคใต้จะลำเลียงยาเสพติดจาก จ.ปทุมธานี มาพักไว้ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ห้องพักในอพาร์ตเมนต์ดังกล่าวเพื่อรอส่งต่อให้ผู้ค้า เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังเฝ้าติดตามพฤติกรรม ต่อมาได้พบว่านายเกรียงไกร และนายไพศาลได้ขนย้ายถุงพลาสติกสีดำลักษณะมีน้ำหนัก เข้าไปพักให้ห้องพักของอพาร์มเมนต์ดังกล่าว ก่อนที่ทั้งสองจะออกไปพบกับนายมนัสพงศ์ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อดื่มสุรากัน ต่อมาเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนทั้งสามคนได้ย้ายไปนั่งดื่มสุรากันต่อที่บริเวณร้านบริการยางรถยนต์ ก่อนที่นายเกรียงไกรและนายมนัสพงศ์ได้เรียกแท็กซี่กลับไปที่อพาร์ตเมนต์ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าได้ซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในห้องดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นพร้อมตรวจยึดของกลางไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งหเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณร้านยางรถยนต์ควบคุมตัวนายนายไพศาลไว้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม นางชุณห์พิมาณ มณีจรรุ่งเรือง หรืออ้อย อายุ 47 ปี ชาว จ.เชียงใหม่, นายสุรพัศ จันทร์สวน หรือเก่ง อายุ 49 ปี ชาว จ.สระบุรี และนางวงเดือน เกิดแก้ว หรือต้อม อายุ 32 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมของกลางยาบ้า 120,000 เม็ด, รถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน สีเทา หมายเลขทะเบียน ขษ 686 เชียงใหม่, รถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน กธ 6326, รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ฆด 9673 กทม. และโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง จับกุมได้เมื่อเวลา 16.20-20.15 น.ของวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.เรวัชกล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดภาคเหนือลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาส่งให้แก่ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยใช้รถยนต์กระบะเป็นยานพาหนะ จึงนำกำลังตั้งด่านตรวจสกัดบริเวณเส้นทางผ่านจังหวัดกำแพงเพชร ต่อมารถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน สีเทา หมายเลขทะเบียน ขษ 686 เชียงใหม่ ขับผ่านมาเจ้าหน้าที่จึงเรียกให้จอดเพื่อทำการตรวจสอบ พบนางชุณห์พิมาณเป็นผู้ขับขี่ จากการตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 60 มัด ประมาณ 120,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้กระบะด้านข้างทั้งสองฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนางชุณห์พิมาณให้การว่าจะนำยาเสพติดไปส่งให้ผู้ค้า คือ นายนายสุรพัศ และนางวงเดือน เจ้าหน้าที่จึงให้นางชุณห์พิมาณติดต่อนัดหมายให้นายสุรพัศมารับยาเสพติดที่ได้ตกลงไว้จำนวน 30 มัด หรือประมาณ 60,000 เม็ด ที่ริมถนนพหลโยธิน ฝั่งขาเข้า บริเวณหน้าศูนย์คูโบต้า ต.ท่าตอ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมานายสุรพัศได้ขับรถถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน กธ 6326 มารับยาเสพติดตามที่ได้นัดหมายดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุมพร้อมของกลาง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ให้นางชุณห์พิมาณโทร.นัดหมายนางวงเดือนให้มารับยาเสพติดจำนวน 25 มัด หรือประมาณ 50,000 เม็ด ที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน ฝั่งขาเข้า กม.44 เมื่อนางวงเดือนมาถึงเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุม และนางชุณห์พิมา ได้โทร.นัดหมายให้นายโย (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) มารับยาเสพติดจำนวน 25,000 เม็ด ที่บริเวณริมถนนรามคำแหง หน้า รพ.รามคำแหง แต่นายโยไม่มาตามที่นัดหมายไว้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อนางชุณห์พิมาณ และแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อนายสุรพัศ และนางวงเดือน ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 3 สามารถจับกุม นายณชพัฒน์ หรือปัณณทัต สิทธิบุตร อายุ 21 ปี, น.ส.สุธิดา วีรสิทธิ์ อายุ 22 ปี และนายแม็ก (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 381,498 เม็ด รถยนต์เก๋งยี่ห้อเชฟโรเลต สีดำ หมายเลขทะบียน 2 กพ 8160 กทม. และโทรศัพท์มือถิอ 2 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้ภายในห้องพักชั้น 2 ของอาคารแห่งหนึ่ง วอยพระยามนธาตุ แขวงและเขตบางแค กทม เมื่อเวลา 16.30 น.ของวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ทนัยกล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์จำหน่ายยาเสพติดให้กับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยจะนำยาเสพติดมาพักไว้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านบางแค ก่อนนำกำลังเข้าตรวจค้น พบผู้ต้องหาทั้งสามพร้อมของกลางยาเสพติดบรรจุอยู่ในกล่องพลาสติกซุกซ่อนอยู่ภายในห้องพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 4 สามารถจับกุม นายบุญพิทักษ์ หรือบุ๊ค ลิ้มประยูร อายุ 24 ปี นายไกร (นามสมมติ) อายุ 18 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 200,000 เม็ด, ไอซ์ 5,413 กรัม และรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ หมายเลขทะเบียน ชข 8479 กทม., จักรยานยนต์ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่นเคเอสอาร์ หมายเลขทะเบียน 2 กถ 7842 กทม., กระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 50 นัด, โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณชั้น 4 อาคาร พีพีอพาร์ตเมนท์ รามอินทรา 39 แยก10 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. เมื่อเวลา 18.00 น.ของวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ทนัยกล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาลักลอบจำหน่ายยาเสพติดและนัดส่งมอบยาเสพติดกันบริเวณถนนรังสิต-นครนายก โดยจะใช้รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีดำ หมายเลขทะเบียน ชข-8479 กทม. และรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด สีเทา หมายเลขทะเบียน 2กอ- 2301 กทม. เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังติดตามพฤติกรรม ต่อมาเมื่อเวลา 20.30 น.ของวันที่ 29 ก.ค. เจ้าหน้าที่พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา หมายเลขทะเบียน พห 1400 กทม. นำถุงดำลักษณะมีน้ำหนักลงจากรถมาทิ้งไว้ในพื้นที่รกร้างในซอยรังสิต-นครนายก 27 ก่อนขับออกไป ต่อมาเมื่อเวลา 21.00 น.พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ หมายเลขทะเบียน ชข-8479 กทม.และรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด สีเทา หมายเลขทะเบียน 2 กอ 2301 กทม. เข้าไปในซอยดังกล่าว ก่อนจะมีชาย 2 คนยกถุงดำขึ้นรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ จากนั้นรถยนต์ทั้งสองคันได้ขับออกไป โดยรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ ได้มุ่งหน้าไปยังอาคารพีพีอพาร์ตเมนท์ ก่อนขนถุงดังกล่าวขึ้นไปเก็บยังชั้นที่ 4 ของอาคารดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามเข้าไปจับกุมได้ เนื่องจากอาคารดังกล่าวเป็นระบบคีย์การ์ด ต่อมาเมื่อเวลา 18.00 น.ของวันที่ 31 ก.ค. นายไกร (นามสมมติ) ได้ขับขี่จักรยานยนต์มายังอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อทำการตรวจค้นพบไอซ์ของกลาง จากการสอยสวนนายไกรให้การว่าภายในห้องพักอาคารดังกล่าวมียาเสพติดอีกจำนวนมาก ซึ่งนายไกรและนายบุญพิทักษ์เป็นผู้นำยาเสพติดทั้งหมดมาพักเพื่อรอจำหน่ายให้แก่ลูกค้า จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงติดตามไปจับกุมนายบุญพิทักษ์ ที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่งในซอยรามอินทรา 14 พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมีเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีสุดท้ายสามารถจับกุม นายเอกพงษ์ ศรีจำปา หรือเอก อายุ 25 ปี, น.ส.กนิศนันท์ ยะตัน หรือโอม อายุ 27 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 441,600 เม็ด, ไอซ์ 180 กรัม รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา หมายเลขทะเบียน พห 1400 กทม. โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณตลาดแม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 1 ส.ค. ต่อเนื่องบ้านเลขที่ 44/83 หมู่บ้านพฤกษา 44 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อเวลา 19.00 น.ของวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ทนัยกล่าวว่า สืบเนื่องจากคดีที่ 4 ทางเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจนกระทั่งทราบว่านายเอกพงษ์ และ น.ส.กนิศนันท์ ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ได้ขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา หมายเลขทะเบียน พห 1400 กทม. นำยาเสพติดไปทิ้งไว้ให้กับผู้ต้องหาในคดีที่ 4 ก่อนจะกลับไปบ้านเพื่อพักผ่อนตามปกติ ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ผู้ต้องหาทั้งสองได้เดินทางไปอ.แม่สาย เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไป โดยผู้ต้องหาทั้งสองมีลักษณะจะเดินทางออกนอกประเทศเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุม ก่อนนำตัวมาตรวจค้นที่บ้านพักใน จ.ปทุมธานี พบของกลางดังกล่าวเจ้าหน้าที่จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป