xs
xsm
sm
md
lg

ตร.บุรีรัมย์ รวบแก๊งทวงหนี้เงินกู้ดอกเบี้ยโหดรายใหญ่ได้ 10 คน ของกลางอื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ตำรวจ สภ.ชุมแสง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ แถลงข่าวจับกุมแก๊งทวงหนี้เงินกู้ดอกเบี้ยโหดรายใหญ่ ได้ผู้ต้องหา 10 คน พร้อมของกลางอื้อ  แฉข่มขู่ลูกหนี้จนไม่กล้าออกจากบ้านไปทำงาน วันนี้ ( 7 ก.ย.)
บุรีรัมย์ - ตร.บุรีรัมย์ รวบแก๊งทวงหนี้เงินกู้ดอกเบี้ยโหดรายใหญ่ ได้ผู้ต้องหา 10 คน พร้อมของกลางเงินสด รถยนต์ จยย. มือถือ เอกสารสัญญาเงินกู้ ค้ำประกัน สมุดบันทึกรายการเก็บเงินลูกหนี้ แฉข่มขู่ลูกหนี้จนไม่กล้าออกจากบ้านไปทำงาน ตั้งข้อหาให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่ กม.กำหนด ขัดคำสั่ง คสช. เตรียมขยายผลจับกุมนายทุนใหญ่ และเครือข่ายอีกหลายแก๊ง

เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (7 ก.ย.) พ.ต.ท.วิศิษฏ์ บัวสง่าวงศ์ สารวัตรใหญ่ หัวหน้า สภ.ชุมแสง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พ.ต.ท.ธนาคม สาธรพิทักษ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.ชุมแสง พ.ต.ท.นิลกาฬ พรศักดิ์ รอง ผกก.ป.สภ.สตึก หัวหน้าชุดคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการปล่อยเงินกู้นอกระบบอำเภอสตึก และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมแสง ได้ร่วมกันจับกุมแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด ได้ผู้ต้องหา 10 คน

ประกอบด้วย 1.นายปฏิภาณ คุ้มภัย อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/10 หมู่ 5 ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม 2.นายปฐมพงษ์ บุดดา อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 186 หมู่ 5 ต.ระบ้า อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี 3.นายอัศนัย ค้างจันทร์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 หมู่ 4 ต.วังซ้าย อ.วังเหนือ จ.ลำปาง 4.นายประเสริฐ สารสุวรรณ์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 6 ต.คันไร่ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี 5.นายไว บุญเชิด อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 หมู่ 10 ต.สระพระ อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา

6.นายสิทธิพงศ์ โพธิสัตย์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/39 หมู่ 5 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี 7.นายมิ่งแมน แน่นอุดร อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97/1 หมู่ 5 ต.หลุบเลา อ.ภูพาน จ.สกลนคร 8.นายจำเนียร แจ้งไพร อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 1 ซ.ร่มเย็น ถ.เทศบาล 1 ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา 9.นายนิรวิทย์ ชูนพรัตน์ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 หมู่ 7 ต.หัวช้าง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และ 10.นายสุรพงษ์ คำจำปา อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/1 หมู่ 8 ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.อุดรธานี

พร้อมของกลางรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ หมายเลขทะเบียน บท 114 อุทัยธานี 1 คัน รถจักรยานยนต์ 5 คัน พร้อมหมวกกันน็อก ถุงมือ หมวกไหมพรม กระเป่าสะพาย โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีเก็บเงินลูกหนี้รายวัน และธนบัตรฉบับละ 100 บาท จำนวน 6 ฉบับ จับกุมได้ที่ร้านจำหน่ายก๋วยเตี๋ยว ต.เมืองแก สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์

จึงควบคุมตัวทั้งหมดส่ง ร.ต.ท.ราชัน พันธุ์บุดดี ร้อยเวร สภ.ชุมแสง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ดำเนินคดีในข้อกล่าวหา “ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้โดยไม่จดทะเบียนต่อนายทะเบียน (พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ฯ ม.5, ม.39) และยินยอมให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 (ม.3)

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ นายรังสิกร ทิมาตฤกะ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ จำนวนหลายสิบรายผ่านศูนย์ป้องกันและปราบปรามการปล่อยเงินกู้นอกระบบอำเภอสตึก ว่า ถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบดักทวงเงิน และข่มขู่ทุกวัน เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ยรายวันที่สูงถึงวันละ 200-500 บาท

โดยปล่อยเงินกู้รูปแบบเดียวกันรายละ 5,000-6,000 บาท ภายในเวลา 24 วัน เก็บดอกเบี้ยรายวันร้อยละ 20 ต่อวัน เช่น บางรายได้กู้ยืมเงินยอดเงินต้น 5,000 บาท แต่ถูกหักดอกเบี้ยล่วงหน้า1,000 บาท ทำให้ได้เงินเพียง 4,000 บาท เป็นต้น และต้องจ่ายดอกเบี้ยต่อเนื่องทุกวัน ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้หญิงที่เป็นแม่ค้ารายย่อยในอำเภอสตึก

เจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลไปยังนายทุนใหญ่ รวมทั้งเครือข่ายซึ่งทำหน้าที่เก็บดอกเบี้ยรายวันซึ่งพบว่ายังมีอีกหลายกลุ่ม

ทั้งนี้ จากข้อมูลเชิงลึกพบว่า แก๊งหมวกกันน็อกจะขี่รถจักรยานยนต์ที่มีสติกเกอร์เป็นตัวอักษรย่อ ช ที่หน้ากระจังรถ ขับตระเวนเลือกเหยื่อที่เป็นชาวบ้าน หากลูกค้ารายไหนไม่จ่ายเงินรายวันตามกำหนดจะข่มขู่ ลูกหนี้ไม่มีเงินจ่ายดอกรายวัน จึงแจ้งข้อหาขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้มีอิทธิพล ข่มขู่เรียกเก็บเงินจากธุรกิจดอกเบี้ยรายวัน นำมาบันทึกทำประวัติดำเนินการต่อไป

นายรังสิกร ทิมาตฤกะ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้รับร้องเรียนชาวบ้านมากกว่า 50 ราย ถูกข่มขู่จากแก๊งทวงหนี้เก็บดอกเบี้ยโหดอย่างต่อเนื่อง ส่วนสาเหตุที่ชาวบ้านต้องไปกู้เงินนอกระบบมาเนื่องจากต้องนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว และหนี้สินต่างๆ แต่ถ้าวันไหนไม่ส่งเงินแก๊งดังกล่าวก็จะมาข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย ถือว่าเป็นการขัดคำสั่งของ คสช. จึงประสานเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าจับกุมควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.วิศิษฏ์ บัวสง่าวงศ์ สารวัตรใหญ่ หน.สภ.ชุมแสง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นเจ้าของเงินที่ปล่อยให้ชาวบ้านกู้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เพราะคาดว่าทำกันเป็นขบวนการ อาจเป็นเครือข่ายเงินกู้ดอกเบี้ยโหดรายใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง โดยจะนำเงินมาปล่อยให้พ่อค้าแม่ค้า และประชาชนกู้ โดยเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด หากไม่ให้จะเข้าไปข่มขู่








กำลังโหลดความคิดเห็น