“สปช.เกรียงไกร” นำผู้บริหารท้องถิ่น ยื่นหนังสือรองประธาน สนช. จี้ออกคำสั่งให้กลับเข้าทำงานได้ พร้อมช่วยเหลือแก้ไขหลังพบได้งบประมาณล่าสุด ต่ำกว่าปี 57 อ้างต้องเอาไปจ่ายค่าจ้างบุคลากร จนไม่พอจัดบริการสาธารณะ แก้ปัญหาประชาชน ด้าน “พีระศักดิ์” รับปากนำเรื่องเข้าหารือแนวทางแก้ปัญหา
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.30 น. นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในฐานะนายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยสมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นกว่า 50 คน เข้ายื่นหนังสือต่อนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกรณีการกลับเข้าดำรงตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่นตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยนายเกรียงไกรกล่าวว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติได้ออกคำสั่งเรื่องการแต่งตั้ง และให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่นจนเป็นเหตุให้สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น และ พนักงานข้าราชการส่วนท้องถิ่นได้รับความเดือนร้อน
“โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้บริหารท้องถิ่นไม่สามารถกลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่หรือดำรงตำแหน่งผู้บริหารของอปท.จึงขอให้พิจารณาออกคำสั่งให้ผู้บริหารท้องถิ่นกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ในองค์กรได้เพื่อบริหารงานในการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาท้องถิ่นได้ นอกจากนี้ขอให้ช่วยเหลือแก้ไขกรณี อปท.ได้รับผลกระทบต่อการจัดสรรรายได้ โดยปีงบประมาณ 2558-2559 อปท.ได้รับงบประมาณต่ำกว่าปี 2557 ทั้งๆที่ อปท.ต้องนำรายได้ส่วนหนึ่งไปจ่ายเงินและค่าจ้างบุคลากร จึงไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะจัดบริการสาธารณะ และแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ และขอให้แก้ไขปรับปรุงกฏหมาย ที่เกี่ยวข้อง เพื่อการบริหารโดยไม่ผิดกฏหมาย รวมทั้งขอปรับเพิ่งเงินอุดหนุนทั่วไปให้แก้ อปท.ด้วย” นายเกรียงไกรกล่าว
ด้านนายพีระศักดิ์กล่าวว่า ตนเข้าใจความรู้สึกของผู้บริหารท้องถิ่นเป็นอย่างดี เพราะตนเคยเป็นผู้บริหารองค์กรท้องถิ่นมากก่อน ทราบดีว่าทุกคนมีความตั้งใจในการทำงาน ทั้งนี้ สำหรับขอเรียกร้องดังกล่าว ที่ผ่านมาตนมีความพยายามดำเนินการหาทางแก้ไขตามข้อเรียกร้อง แต่คำสั่งของ คสช.ยังครอบคลุมไม่ถึง จึงเป็นช่องว่างของคำสั่ง แต่ไม่ใช่ความผิดของนายกรัฐมนตรี ซึ่งข้อเรียกร้องดังกล่าวถือเป็นความชอบธรรมที่จะทำให้องค์กรท้องถิ่นเป็นองค์กรที่ใหญ่ขึ้น และขอขอบคุณที่ทุกคนใช้กลไกปกติ เพราะในภาวะบ้านแบบนี้ คงไม่เหมาะที่จะใช้การเดินขบวน เพราะจะเป็นการขัดคำสั่ง คสช.อีก อย่างไรก็ตาม ตนจะประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป