xs
xsm
sm
md
lg

เปิดเบื้องหลัง “ไอ้เอฟ” ฆาตกรโหดแหกศาล พบรักการร้องเพลงเคยเข้าสมัคร The Voice

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นครปฐม - เปิดเบื้องหลัง “ไอ้เอฟ” ฆาตกรโหดมือยิงตำรวจ ทหาร และประชาชนรวม 8 คดี แหกศาลนครปฐม พบเป็นคนรักการร้องเพลง น้ำเสียงน้องๆ นักร้องอาชีพ เคยโพสต์ภาพเข้ารอรับการสมัครประกวดนักร้องเวที “The Voice Season 3” แถมโพสต์ภาพแอ๊บแบ๊ว ซ่อนภาพชื่นชอบอาวุธปืนก่อนแสดงธาตุแท้สุดเหี้ยมโหด

หลังจากนายเจษฎา หรือเอฟ รำพึงจิต อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/3 ซอยโรงเรียนบำรุง อ.เมือง จ.นครปฐม หลบหนีระหว่างถูกควบคุมตัวมารับฟังคำพิจารณาตัดสินที่ศาลจังหวัดนครปฐมในข้อหาฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ พลทหาร และประชาชนรวม 3 ศพ และก่อเหตุยิงเจ้าทรัพย์เพื่อชิงทรัพย์รวม 8 คดี เมื่อวันที่ 4 ก.ย.58 กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และอาสาสมัครมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม สนธิกำลังหลายร้อยนายปิดล้อมจับกุมตลอดทั้งคืน ก่อนจะมาพบตัวในบ้านร้างในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.ท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ในสภาพอิดโรย และมีการเลื่อยโซ่ตรวนที่ถูกตรึงไว้ที่ขาทั้ง 2 ข้างออกทิ้ง และใช้เวลาหลบซ่อนตัวในน้ำนานนับสิบชั่วโมง แต่ก็หลบหนีได้เพียงข้ามคืน และถูกตามล่าจับกุมในที่สุด

หลังจากจับกุม นายเจษฎา หรือเอฟ ซึ่งเป็นฆาตกรที่มีความโหดเหี้ยมพบว่า ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมความโหดเหี้ยม และการหลบหนีที่ไม่ยำเกรงต่อเจ้าหน้าที่ของนายเจษฎา หรือเอฟ ผ่านทางเฟซบุ๊กที่เพื่อนของนายเจษฎา ได้เข้าไปโพสต์ไว้กันอย่างกว้างขวาง โดยบางคนได้โพสตฺให้กำลังใจที่ไม่อยากให้นายเจษฎา หรือเอฟ ได้รับโทษถึงขั้นประหารชีวิต

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบด้วยว่า นายเจษฎา หรือเอฟ ได้ใช้ชื่อว่าในเฟซบุ๊กของตัวว่า “กล้วย หอม” ได้มีการอัปเดตเรื่องราวชีวิตของตนเองไว้ช่วงหนึ่งในปี 2014 ขณะนั้นยังทำงานเป็นพนักงานของศูนย์การค้าขายส่งขนาดใหญ่ โดยได้มีการมีการอัปเดตถึงความสามารถของตนเองเกี่ยวกับทางด้านการร้องเพลง โดยได้อัปคลิปวิดีโอด้วยการเล่นกีตาร์และร้องเพลงไว้นับสิบคลิป ซึ่งพบว่า น้ำเสียงของนายเจษฎา หรือเอฟ นั้นมีความไพเราะไม่แพ้นักร้องอาชีพหลายคน จึงทำให้รู้ว่าฆาตกรโหดเหี้ยมรายนี้นั้นมีความรักในเสียงเพลงตัวยงคนหนึ่ง รวมถึงมีอารมณ์ขัน และมีใบหน้าที่คมเข้มหล่อเหลาเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ หลายคน

อีกทั้ง นายเจษฎา หรือเอฟ ผู้ต้องหาโหดรายนี้ยังได้โพสต์ภาพของตนเองขณะไปนั่งรอสมัครประกวดร้องเพลงในรายการ “The Voice” ซึ่งเป็นการประกวดหานักร้องที่มีความสามารถ และเป็นความฝันของเด็กวัยรุ่นทั้งประเทศที่จะเข้ามาสู่การประกวดรายการนี้ เนื่องจากเป็นเวทีของตัวจริง เสียงจริง

โดยเมื่อวันที่ 27 พ.ค.57 นายเจษฎา หรือเอฟ ได้โพสต์ข้อความว่า “วันนี้ไม่ทันต้องพรุ่งนี้คับจะถึงคิวผมได้แต่ในสมัคร ”จากนั้นในวันที่ 28 พ.ค.57 ได้มีการโพสต์ภาพสติกเกอร์หมายเลขผู้สมัครเข้าประกวดร้องเพลงในรายการ “The Voice 3” ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และโพสต์ข้อความว่า “ใบเลขเด็ดให้อำไปให้สำหรับคนชอบหวย”

นอกจากนี้ ในเฟซบุ๊กดังกล่าวยังได้โพสต์ภาพใบหน้าของนายเจษฎา หรือเอฟ ในอิริยาบถต่างๆ ที่อารมณ์ดี แขณะที่บางภาพพบมีการโพสต์ภาพคู่กับอาวุธปืน ซึ่งซ่อนความโหดเหี้ยมไปด้วยในเวลาเดียวกันด้วย

ทั้งนี้ หากคลิปต่างๆ ที่ได้โพสต์ลงไว้ในโลกโซเชียลมีเดียเป็นความจริง ก็เป็นสิ่งที่แสดงว่า ผู้ต้องหารายนี้ไม่ได้เกรงกลัวต่อสิ่งที่ตัวเองได้ก่อเหตุอุกฉกรรจ์หลายๆ คดีติดต่อกันแต่อย่างใด โดยยังคงทำตัวตามปกติ และยังเข้าไปสมัครร้องเพลงเพื่อเดินตามความฝันของตนเองด้วย

เมื่อมาตรวจสอบการก่อเหตุของ นายเจษฎา หรือเอฟ พบว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค.57 ได้ก่อเหตุชิงทรัพย์บริเวณหน้าโรงกรองน้ำ ต.คลองจินดา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ทรัพย์ที่ได้เป็นสร้อยคอทองคําหนัก 1 บาท ผู้ต้องหาใส่หมวกไอ้โม่ง สวมหมวกกันน็อกทับ รองเท้านินจาลายพราง ขี่รถจักรยานยนต์สีนํ้าเงิน-ขาว ทะเบียน ขมค 35 นฐ ผู้เสียหายเป็นผู้หญิง โดยใช้อาวุธปืนขนาด .22 มม. ไทยประดิษฐ์ก่อเหตุ

วันที่ 19 มี.ค.57 ก่อเหตุพยายามชิงทรัพย์ที่บริเวณโรงเชือดไก่ตะนาวศรี ถนนเส้นทางศาลากลาง อ.เมือง จ.นครปฐม ผู้เสียหายคือ นายสมพงษ์ กิมฮะ ถูกอาวุธปืนยิงผู้เสียหาย 2 นัดได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่มีชาวบ้านออกมาพบทำให้คนร้ายรีบขี่รถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน-ขาว ทะเบียน ขมค 35 นฐ หลบหนีไป

วันที่ 19 มี.ค.57 ก่อเหตุชิงทรัพย์ที่ห้องแถวบ้านคลองหลวง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ทรัพย์ที่ได้ คือ แหวนทองคําสลักนามสกุล หนัก 2 สลึง จำนวน 1 วง นําแหวนไปขายที่ห้างบิ๊กซี นครปฐม ได้เงินมา 2,000 บาท การแต่งกายของผู้ต้องหาสวมหมวกไอ้โม่งใส่หมวกกันน็อกทับ รองเท้านินจาลายพราง

วันที่ 10 เม.ย. 57 คนร้ายขี่รถรถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน-ขาว ทะเบียน ขมค 35 นฐ. ที่ท้ายรถมีตะกร้าผลไม้ผูกไว้แล้วเข้าไปก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. สไตเออร์ ยิง ด.ต.มานะ สุขไกร หัวหน้าตู้ยามสะแกลาย สังกัด สภ.เมืองนครปฐม เข้าศีรษะรวม 3 นัด และนายสมชาย เปล่งขำ อายุ 63 ปี เสียชีวิต ที่ป้อมยามสะแกลาย ต.ดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม หลังใช้อาวุธปืนยิง ด.ต.มานะ แล้วได้เข้าไปในป้อมยามกระชากสร้อยคอทองคำนํ้าหนัก 2 บาท 1 เส้น พร้อมคว้าอาวุธปืนยี่ห้อกล็อก ขนาด .45 ของ ด.ต.มานะ ไปด้วย จากนั้นได้นําสร้อยคอทองคําไปขายร้านทอง ใน ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ส่วนอาวุธปืนใช้ตะไบลบเลขทะเบียนปืนแล้วนํามาก่อเหตุต่อ

วันที่ 17 เม.ย.57 เวลาประมาณ 16.00 น. ก่อเหตุชิงทรัพย์ที่หน้าโรงงานโอตานิ เขตนครชัยศรี โดยผู้ต้องหาใช้รถจักรยานยนต์ ทะเบียน ขมค 35 นฐ ที่ก่อเหตุมาเมื่อวันที่ 10 เม.ย.57 และได้ใช้อาวุธปืนยี่ห้อกล็อกขนาด .45 มม.ของ ด.ต.มานะ ชักขู่บังคับใช้ปืนยิงนางมณฑาทิพย์ อยู่ในวงษ์ อายุ 18 ปี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทไป จากนั้นนำสร้อยคอทองคําไปขายที่ห้างบิ๊กซี นครปฐม ได้เงิน 17,000 บาท

เดือน พ.ค.57 เวลาประมาณ 16.00 น. คนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์สีดํา ขณะที่ผู้เสียหายจอดรถคากุญแจทิ้งไว้แล้วนําไปก่อเหตุต่อ พฤติการณ์คือ คนร้ายได้ให้รถจักรยานยนต์รับจ้างไปส่งที่ปากทางเข้าวัดไทร แล้วเดินเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไป

วันที่ 8 ก.พ.58 คนร้ายได้ก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืนของ ด.ต.มานะ ที่ได้จากการบุกยิงคาป้อมตำรวจเมื่อวันที่ 10 เม.ย.57 เข้าก่อเหตุชิงสร้อยคอทองคำของพลทหารอนุชา สังพุก อายุ 23 ปี ในพื้นที่เขต อ.เมืองนครปฐม โดยก่อนหน้าที่จะหลบหนีคนร้ายได้ถูกพลทหารอนุชา ใช้มีดฟันนิ้วขาด ก่อนที่จะยิงพลทหารอนุชา เสียชีวิต แล้วหลบหนีไปที่ อ.นครชัยศรี ก่อนจะมาทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเทพากร และถูกจับกุมคาเตียง

จนกระทั่งวันที่ 4 ก.ย.58 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายเจษฎา หรือเอฟ มารับฟังการพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดนครปฐม ในข้อหาฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ พลทหาร และประชาชนรวม 3 ศพ และก่อเหตุยิงเจ้าทรัพย์เพื่อชิงทรัพย์รวม 8 คดี โดยผู้ต้องหาฉวยจังหวะที่เจ้าหน้าที่เผลอทำการหลบหนีไปทั้งที่มีโซ่ตรวนล็อกขาอยู่ ด้วยการคว้าจักรยานยนต์ชาวบ้านที่จอดเสียบกุญแจทิ้งไว้ขณะซื้อของในตลาด แต่พลาดรถเกิดล้ม จากนั้นได้วิ่งลงไปหลบในคลองแล้วอาศัยช่วงมืดย่องเดินกลับบ้านพักเขต อ.นครชัยศรี ในสภาพหมดแรง

สุดท้าย นายเจษฎา หรือเอฟ ก็หนีไม่พ้นถูกเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และอาสาสมัครสนธิจับกุมตัวได้อีกครั้งหลังจากใช้เวลาไล่ล่าอยู่นานตลอดทั้งคืนเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา และคาดว่านับแต่นี้ไป นายเจษฎา หรือ เอฟ คงจะหนีไม่ได้อีกแล้ว และคงต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายชดใช้กรรมที่ก่อขึ้นต่อไป









กำลังโหลดความคิดเห็น