นครปฐม - ตำรวจ-ทหาร สนธิกำลังนำสุนัขไล่ล่า “ไอ้เอฟ” มือยิงตำรวจสายตรวจดอนยายหอม และพลทหาร รวมอีกหลายคดี หลังกระโดดชั้น 2 หนีจากศาลจังหวัดนครปฐม ทั้งที่มีโซ่ตรวน คาดวางแผนอย่างดี ลวงทั้งเจ้าหน้าที่ และเส้นทางหลบหนี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตั้งวอร์รูมไล่ล่า ขัดขืนต่อสู้จับตายทันที
วันนี้ (4 ก.ย.) พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ..เมือง จ.นครปฐม รับแจ้งมีผู้หาหลบหนีจากศาลจังหวัดนครปฐม โดยมีโซ่ตรวนติด และสวมชุดนักโทษสีน้ำตาล จึงสั่งการให้ชุดป้องกันปราบปราม และชุดสืบสวนออกติดตามไล่ล่าตัว โดยประสานไปยัง พ.อ.ยอธง สำราญ หัวหน้ากองยุทธการและการข่าว กรมการสัตว์ทหารบก นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร และสุนัขดมกลิ่นติดตามหาตัวด้วย
เบื้องต้น ทราบชื่อคือ นายเจษฎา หรือเอฟ รำพึงจิต อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/3 ซอยโรงเรียนบำรุง อ.เมือง จ.นครปฐม ผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์หลายคดี และเป็นมือปืนที่เป็นบุคคลอันตราย มีความสามารถในการใช้อาวุธอย่างช่ำชอง ซึ่งมีรายงานว่า มีผู้พบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า นูโว สีดำ ทะเบียน 897 นครปฐม ที่คนร้ายขับหลบหนีออกมาแหกโค้งตกลงไปในคูน้ำริมทางถนนชุมชนบ้านหนองอาเสี่ย ม.5 ต.พระประโทน อ.เมือง
เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ชุดอินทรีย์ 7 เจ้าหน้าที่สอบสวนภูธรภาค 7 ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนครปฐม และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม เข้าร่วมในการเดินเท้า ตามหานายเจษฎา ด้วยการปิดล้อม และใช้สุนัขทหารดมกลิ่นไล่ล่าติดตามตัว โดยให้มีการระมัดระวังเนื่องจากคนร้ายน่าจะวางแผนกับบุคคลที่สนิทกันไว้ก่อนแล้ว และอาจจะมีอาวุธปืนติดตัวด้วย
ทั้งนี้ นายเจษฎา ถูกนำตัวออกมาจากเรือนจำกลางนครปฐม มาศาลจังหวัดนครปฐมเพื่อเข้าฟังการพิจารณาคดีที่ก่อไว้หลายคดี จนเมื่ออยู่ที่ชั้น 2 ของศาลจังหวัดนครปฐม ได้กระชากตัวหนีจากการควบคุม และกระโดดลงมาจากชั้น 2 ทั้งที่มีโซ่ตรวนติดอยู่ที่ขาทั้ง 2 ข้าง จากนั้นได้วิ่งไปจุดที่ก่อสร้างด้านหลังใช้ขวานที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวตัดโซ่ออก และวิ่งออกไปหารถจักรยานยนต์ที่มีคนจอดไว้ในตลาดปฐมมงคล ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปที่ตลาดปฐมมงคล ใกล้สี่แยกทุ่งพระเมรุ และถอดเสื้อออก โดยวนรถไปยังบริเวณสำนักงานสรรพสามิต และมาถูกรถบรรทุกเบียดจนล้มตกลงไปข้างทาง
ต่อมา พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผช.ผบ.ตร. มายังที่เกิดเหตุ และดูสถานที่ ก่อนสั่งการให้ตั้งศูนย์วางแผนปฏิบัติการที่ตู้พักสายตรวจตำบลถนนขนาด โดยมี พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม เข้าร่วมบัญชาการตั้งชุดไล่ล่า นายเจษฎา เพราะหลังจากเก็บข้อมูลเบื้องต้นพบว่าการหลบหนีของผู้ต้องหาน่าจะมีการวางแผน มีการจัดรถ และสถานที่หลบหนี ไว้เป็นอย่างดี เนื่องจากพื้นที่พบรถจักรยานยนต์เป็นพื้นที่เปลี่ยว เชื่อมโยงไปได้หลายจุด และผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่าคนตายบริเวณดังกล่าวเพื่อปล้นทรัพย์มา 2-3 ครั้งแล่ว
ข้อสังเกตที่ตำรวจพบความผิดปกติ คือ นายเจษฎา รู้ได้อย่างไรว่าหลังศาลจังหวัดนครปฐมมีสถานที่ก่อสร้าง และมีเครื่องมือช่าง และเบื้องต้น รถจักรยานยนต์ที่คนร้ายขับหลบหนีไปมีคนอ้างว่าถูกจี้ไปจากบริเวณไม่ห่างจากศาลจังหวัดนครปฐม และในที่เกิดเหตุพบน้องชายของผู้ต้องหาขับรถจักรยานยนต์วนเวียนในที่เกิดเหตุหลายครั้ง เมื่อเจอจุดที่เจ้าหน้าที่ตั้งจุดสกัดก็จะวนรถหนีออกไป
นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านเห็นผู้ต้องหาขับรถโดยมีหญิงสาวร่างเล็กสวมแจ็กเกตสีดำซ้อนมาด้วย ซึ่งไปรับมาจากที่ใด รวมถึงผู้ต้องหาได้เปลี่ยนเสื้อเป็นสีขาว กางเกงขายาว ซึ่งหากมีการวางแผนมา คนร้ายอาจจะมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย และพร้อมที่จะยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจหากเข้าจับกุม และหากมีการยิง หรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ให้ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดทันที เพราะเป็นบุคคลอันตราย
จากการตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงห่างจากจุดที่พบรถจักรยานยนต์ประมาณ 50 เมตร พบว่า ที่บ้านเลขที่ 96/1 ม.4 ต.ถนนขาด อ.เมือง มีร่องรอยการพังหน้าต่างห้องนอนเข้าไป คาดว่าคนร้ายน่าจะมาหาที่ซ่อนตัวแต่ไม่ปลอดภัยจึงได้หลบหนีออกไป โดยไม่ได้นำทรัพย์สินใดๆ ติดตัวไป
สำหรับ นายเจษฎา เป็นผู้ต้องหาที่ก่อคดีอุกฉกรรจ์มาอย่างมากมาย โดยถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 8 ก.พ.58 หลังก่อเหตุยิงพลทหารอนุชา สังพุก อายุ 23 ปี ทหารเกณฑ์ กองร้อยกองบัญชาการ กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ กาญจนบุรี อยู่บ้านเลขที่ 96/1 หมู่ 4 ต.ถนนขาด อ.เมือง จ.นครปฐม เสียชีวิต เหตุเกิดที่ถนนสาธารณะ ในซอยมานิตย์ หมู่ 2 ต.ถนนขาด อ.เมือง เมื่อวันที่ 7 ก.พ.58 หลังใช้ปืนขู่ให้พลทหารอนุชา ถอดสร้อยคอ เมื่อได้สร้อยไปแล้วใช้ปืนยิงขู่ไม่ให้ติดตาม แต่พลทหารอนุชา ขับรถติดตามไปจนทันแล้วใช้มีดฟันคนร้ายจนนิ้วขาด บาดเจ็บสาหัส คนร้ายจึงใช้ปืนยิงพลทหารอนุชา จนเสียชีวิต และหลบหนีไปรักษาตัวที่ รพ.เทพากร จนถูกจับคาเตียง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.56 ก่อเหตุพยามยามฆ่าที่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร โดยให้การรับสารภาพด้วยว่า ก่อเหตุมาแล้ว 8 คดี ในเขต สภ.นครชัยศรี 5 คดี และ สภ.เมือง จ.นครปฐม 3 คดี คือ วันที่ 3 มี.ค.57 เวลา 17.00 น. ชิงทรัพย์ที่ซอยอนามัย ตรงข้ามหน้าวัดโคกพระเจดีย์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้สร้อยคอทองคําหนัก 2 สลึง พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ วันที่ 15 มี.ค.57 เวลา 16.30 น. ชิงทรัพย์บริเวณหน้าโรงกรองน้ำ ต.คลองจินดา อ.นครชัยศรี ได้สร้อยคอทองคําหนัก 1 บาท วันที่ 19 มี.ค.57 เวลา 17.45 น. พยายามชิงทรัพย์ที่บริเวณโรงเชือดไก่ตะนาวศรี ถนนเส้นทางศาลากลาง อ.เมือง ผู้เสียหายถูกยิง 2 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่มีชาวบ้านมาพบจึงรีบขี่รถหนีไป
วันที่ 19 มี.ค. 7 เวลา 17.00 น. ชิงทรัพย์ที่ห้องแถวบ้านคลองหลวง อ. นครชัยศรี ได้แหวนทองคําสลักนามสกุลหนัก 2 สลึง วันที่ 10 เม.ย.57 เวลา 19.00 น. ใช้ปืนขนาด 9 มม. ยิง ด.ต.มานะ สุขไกร หัวหน้าตู้ยามสะแกลาย สังกัด สภ.เมือง เข้าศีรษะรวม 3 นัด และนายสมชาย เปล่งขำ อายุ 63 ปี เสียชีวิตที่ป้อมยามสะแกลาย ต. ดอนยายหอม อ.เมือง พร้อมชิงสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท อาวุธปืนขนาด .45 ของ ด.ต.มานะ ไปด้วย
วันที่ 17 เม.ย.57 เวลา 16.00 น. ชิงทรัพย์หน้าโรงงานโอตานิ เขตอ.นครชัยศรี ใช้ปืนขนาด .45 มม. ของด.ต.มานะ ยิงนางมณฑาทิพย์ อยู่ในวงษ์ อายุ 18 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทไป