Astv ผู้จัดการ - ตำรวจตามรวบผู้ต้องหาลักทรัพย์ เคยก่อเหตุมาแล้วกว่า 25 ครั้ง ยึดอาชีพโจรมากว่า 4 ปี เลือกเข้าบ้านหรูที่ไม่มีคนอยู่ หากพบผู้หญิงอยู่ในบ้านคนเดียวจะลงมือข่มขืน ก่อนจะชิงทรัพย์แล้วหลบหนี
วันนี้ (6 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.นิธิศ บุญเจริญ ผกก.สน.อุดมสุข พ.ต.ท.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผกก.สส.สน.อุดมสุข พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม สว.สส.สน.อุดมสุข และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.อุดมสุข แถลงผลการจับกุม นายนวพร สินมา หรือหน่อง อายุ 41 ปี ที่อยู่ 45/1 หมู่ 12 ตำบลท่าหมื่นราม อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน 3 เครื่อง, กระเป๋าสะพายลายทหาร, รถยนต์ยี่ห้อมาสด้า สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กฉ 2732 ราชบุรี และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ จับกุมได้บริเวณร้านซ่อมเครื่องไฟฟ้าไม่มีเลขที่ หมู่ 1 ถนนเพชรเกษม ตำบลวังละมุด อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 58 เวลาประมาณ 18.00 น. ในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร
พ.ต.อ.นิธิศ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ก.ค. เวลาประมาณ 08.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.อุดมสุขได้รับแจ้งเหตุจากนายพรรษวัส วารี อายุ 32 ปี ผู้เสียหาย ว่าได้มีคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ภายในบ้านเลขที่ 52/96 หมู่บ้านศุภาลัย ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงและเขตประเวศ กทม. และยังมีผู้เสียหายที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านศุภลัยอีกสองรายที่เข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 ส.ค. นายพรรณธกร กิจธนไพศาล ผู้เสียหายอีกคนมาแจ้งว่าตนเองอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านดังกล่าว มีคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ภายในบ้านได้ทรัพย์สินไปหลายรายการเช่นกัน เชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายคนเดียวกัน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงได้ประชุมวางแผนสืบสวนหาข่าวจนทราบว่าโน้ตบุ๊กของกลางได้วางขายอยู่ที่บริเวณร้านซ่อมเครื่องไฟฟ้าไม่มีเลขที่ในจังหวัดนครปฐม ฝ่ายสืบสวนไปเดินทางออกไปตรวจสอบพร้อมกับนายพรรษวัส เมื่อเดินทางไปถึงพบนายนวพรแจ้งว่าเป็นเจ้าของร้าน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบของกลางโน้ตบุ๊กยี่ห้อคอมแพค สีดำ-เทา และโน้ตบุ๊กยี่ห้อเดลล์ สีบรอนซ์เงิน และเครื่องประดับจำนวนหนึ่ง จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทรัพย์สินหลายรายการที่ได้แจ้งความหายไว้ในพื้นที่ สน.อุดมสุข เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมพร้อมยึดของกลางทั้งหมดมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สน.อุดมสุข
จากการสอบสวนนายนวพรให้การรับสารภาพว่า ได้ขโมยทรัพย์สินมาจากหมู่บ้านศุภาลัยจริง โดยได้เข้าไปขโมยทรัพย์สินในบ้านจำนวน 5 หลัง แต่ได้ทรัพย์สินมาเพียงจำนวน 3 หลัง และเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ได้ย้อนกลับมาก่อเหตุอีกครั้ง ทรัพย์สินที่ได้ส่วนมากจะนำไปทิ้ง เว้นแต่ทองคำ เพื่อนำไปขายเป็นเศษทอง และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กจะนำมาวางขายเครื่องละ 3,000 บาท โดยเลือกที่จะลงมือก่อเหตุเวลาประมาณ 02.00 น. และเลือกบ้านที่ไม่สัญญาณกันขโมย หรือไม่มีเหล็กดัด เมื่อเข้าบ้านได้แล้วถ้าเจอผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิงก็จะจับมัดแล้วลวนลาม บางรายจะข่มขืน เพราะเชื่อว่าตนเองหมดประสิทธิภาพแล้ว ปรากฏว่าจุดลับของตนเองก็ยังใช้งานไม่ได้ เคยลงมือข่มขืนมาแล้วกว่า 10 ครั้ง
นอกจากนี้ ผู้ต้องหาให้การอีกว่าไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ได้ออกลักทรัพย์ตามบ้านเรือนประชาชนมาแล้วกว่า 4 ปี โดยจะเข้าทำการลักทรัพย์ตามหมู่บ้านผู้คนที่มีฐานะดี เมื่อได้ทรัพย์สินมาแล้วตนเองจะนำมาวางขายบางส่วนเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติของนายนวพรพบว่าเคยเข้าไปก่อเหตุในพื้นที่ สน.อุดมสุข จำนวน 10 ครั้ง พื้นที่ สน.มีนบุรี จำนวน 7 ครั้ง และพื้นที่ สภ.บางแก้วจ.สมุทรปราการ จำนวน 8 ครั้ง รวมแล้วประมาณ 25 ครั้ง และผู้ต้องหารายนี้เพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำเมื่อปี 2554 ก่อนมาก่อเหตุเดิมซ้ำอีก