นครปฐม - ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองนครปฐม ระดมกำลังไล่ล่าทั้งคืน “ไอ้เอฟ” ผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์หลายคดี และเป็นมือปืนที่เป็นบุคคลอันตรายหลังหนีการควบคุมตัวขณะขึ้นฟังคำตัดสินจากศาลจังหวัดนครปฐม ทั้งที่มีโซ่ตรวนล็อกขาอยู่เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยคว้าจักรยานยนต์ชาวบ้านที่จอดเสียบกุญแจทิ้งไว้ขณะซื้อของในตลาด แต่พลาดรถล้มก่อนวิ่งลงไปหลบในคลองแล้วอาศัยช่วงมืดย่องเดินกลับบ้านพักเขตอำเภอนครชัยศรีในสภาพหมดแรง สุดท้ายไม่พ้นมือ จนท.
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (5 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) ได้รับแจ้งว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังระหว่างตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สามารถควบคุมตัวนายเจษฎา หรือเอฟ รำพึงจิต อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/3 ซอยโรงเรียนบำรุง อ.เมืองนครปฐม ผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์หลายคดี และเป็นมือปืนที่เป็นบุคคลอันตราย หลังจากหลบหนีการควบคุมตัวในการรับฟังการพิจารณาคดี เมื่อประมาณเวลา 14.00 น.วันที่ 4 ก.ย.58 ที่ผ่านมาได้
จากนั้น พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.รัตนะ ปาลจันทร์ รองผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม และ พ.อ.ยอดธง สำราญ หัวหน้ากองยุทธการและการข่าว กรมการสัตว์ทหารบก จึงเดินทางไปยังบ้านร้างในพื้นที่ ม.4 ต.ท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งเป็นจุดที่มีการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ชุดอินทรีย์ 7 (คอมมานโด) สืบสวน สภ.เมืองนครปฐม ชุดสืบสวน สภ.นครชัยศรี ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนครปฐม ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 กำลังทหารจากกรมการสัตว์ทหารบก กำนัน ผู้ใหญ่บ้านอำเภอเมืองนครปฐม และอำเภอนครชัยศรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม กว่า 500 นาย โดยเจ้าหน้าที่สามารถติดตามควบคุมตัว นายเจษฎา หรือเอฟ ได้ขณะกำลังหลับในบ้านหลังดังกล่าวในสภาพอิดโรยหมดแรง และสวมเพียงผ้าขาวม้าเพียงผืนเดียว พร้อมมีอุปกรณ์การเสพยาบ้าในสถานที่ดังกล่าว ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายเจษฎา หรือเอฟ มาทำการสอบสวน ยัง สภ.นครชัยศรี พื้นที่รับผิดชอบในการจับกุมเพื่อสอบสวน
ทั้งนี้ การปิดล้อมจับกุมดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเพื่อไล่ล่านายเจษฎา หรือเอฟ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ของเมื่อวันที่ 4 ก.ย.58 ด้วยการตีวงล้อมในพื้นที่ ต.พระประโทน และ ต.ถนนขาด หลังจากพบรถจักรยานยนต์ที่ผู้ต้องหาได้เข้าชิงจากเจ้าของไปจอดล้มอยู่ในน้ำตั้งแต่เมื่อวานนี้ กระทั่งเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้เข้ามาตั้งศูนย์ในการไล่ล่าคนร้ายที่หลบหนีด้วยการค้นหาแบบตีวงในพื้นที่ทั้งรอบใน และวงนอก และยังได้นำกำลังทหาร สุนัขดมกลิ่นติดตามเข้าไล่ล่าด้วยก่อนที่จะถึงช่วงมืด จากนั้นให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐมเดินเรียงหน้ากระดานตามหาแบบปูพรมโดย
อีกส่วนได้ให้นักประดาน้ำชุดฐานนาวา ลงหาตัวในคลองสาธารณะ และใช้เรือแหวกผักตบชวา ซึ่งคาดว่าจะมีการหลบซ่อนตัวอยู่ ก่อนที่เวลา 22.00 น. คืนวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม ได้เข้ามาติดตามการไล่ล่าคนร้ายคนสำคัญ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครและชุดสืบสวนออกหาข่าว และเข้าตรวจสอบตามเป้าหมายที่คาดว่าคนร้ายจะไปหลบซ่อนตัวตลอดทั้งคืน
กระทั่งช่วงเวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามสถานที่ต่างๆ โดยที่กล้องวงจรปิดขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางระกำ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม สามารถบันทึกภาพของนายเจษฎา หรือเอฟ ขณะกำลังเดินโซเซอยู่บนถนนหน้า อบต. โดยสังเกตยังมีตรวนติดอยู่ที่ขา แต่โซ่ได้ขาดจากกันไปแล้ว และได้เบาะแสจากเจ้าหน้า อบต.พระประโทน ว่า มีชาวบ้านพบเห็นคนลักษณะคล้ายนายเอฟ เดินออกมาจากคลองสาธารณะเป็นเส้นทางที่จะไป อบต.บางระกำ
จึงได้กระจายกำลังเข้าไปที่บ้านร้างซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านย่าของนายเจษฎา หรือเอฟ โดยบ้านหลังดังกล่าวจะเป็นสถานที่รวมตัวของกลุ่มวัยรุ่น โดยพบตัวขณะกำลังนอนหลับหมดแรงเนื่องจากยังไม่ได้กินข้าวมาตั้งเมื่อวานนี้ และมีการตัดข้อเหล็กที่สวมตรวนออกไปแล้ว เบื้องต้นทราบว่า หลังออกหลบหนีออกจากศาลจังหวัดนครปฐม ได้วิ่งไปเจอรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า นูโว สีดำหมายเลขทะเบียน 897 นครปฐม ที่มีคนจอดซื้อผลไม้ที่ตลาดปฐมมงคล แล้วถอดเสื้อสีน้ำตาลของผู้ต้องขังออก โดยไม่สวมเสื้อขับขี่ออกมาหลบหนีไปตามทางที่คุ้นเคย และมาพลาดล้มที่ ม.5 ต.พระประโทน อ.เมืองนครปฐม จากนั้นได้หลบในน้ำอาศัยผักตบกำบังตัวทั้งวัน ก่อนจะเห็นมืด และปลอดคน เดินขึ้นมา และเดินลัดเลาะตามที่เปลี่ยวก่อนจะมาหลบในบ้านร้างใกล้บ้านญาติ และมารู้ตัวอีกทีเจ้าหน้าที่ก็ถึงตัวแล้ว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายเจษฎา หรือเอฟ มาสอบสวนอย่างละเอียด เนื่องจากทราบว่าในวันที่หลบหนีเป็นวันที่จะต้องเข้ามารับฟังการพิจารณาตัดสินคดี ด.ต.มานะ สุขไกร อายุ 52 ปี หัวหน้าตู้พักสายตรวจสะแกลาย อ.เมืองนครปฐม และนายสมชาย เปล่งขำ อายุ 63 ปีเสียชีวิตคาตู้พักสายตรวจ และได้ขโมยอาวุธปืนของ ด.ต.มานะ ไปด้วย และยังได้นำทรัพย์สินจากตู้พักสายตรวจไปอีกหลายรายการ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.57 ที่ผ่านมา
รวมถึงก่อเหตุยิง พลฯ อนุชา สังพุก อายุ 23 ปี สังกัดกองร้อยบัญชาการ กองพลทหารราบที่ 9 อยู่บ้านเลขที่ 96/1 ม.4 ต.ถนนชาด อ.เมือง จ.นครปฐม เสียชีวิตด้วยอาวุธปืนขนาด .45 มม. เพื่อชิงทองคำจากผู้ตาย แต่ถูกผู้ตายต่อสู้ใช้มีดฟันจนนิ้วชี้ และนิ้วกลางของคนร้ายขาด และคดีอุกฉกรรจ์ ทั้งยิงปล้น จี้ รวม 8 คดี และการหลบหนีการควบคุมตัวอีกเป็นคดีที่ 9 ในระยะไม่กี่ปี ซึ่งนายเจษฎา หรือเอฟ น่าจะรู้ตัวว่าคดีแรกที่จะรอฟังคำตัดสินนั้นน่าจะถูกประหารชีวิต ไม่รวมคดีอื่นๆ จึงตัดสินในหลบหนีไปตายเอาดาบหน้าแต่ไปไม่รอด และถูกจับกุมเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น
