จันทบุรี - จ.จันทบุรี นำนักธุรกิจในพื้นที่ร่วมออกร้านจำหน่ายสินค้าภายในงานแสดงสินค้า Mini Thailand Trade Exhibition ที่ จ.พระตะบอง ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อขยายตลาด และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
วันนี้ (4 ก.ย.) นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วย นางจีรนันท์ วงมงคล ทูตพาณิชย์ ประจำกรุงพนมเปญ ได้นำผู้ประกอบการชาวไทย และชาวจันทบุรี รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ หอการค้าจังหวัด ร่วมงานแสดงสินค้า Mini Thailand Trade Exhibition 2558 ซึ่งจัดขึ้นที่ตลาดปุกปุย กลางเมืองพระตะบอง ประเทศกัมพูชา
ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยมี นายซก กง รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระตะบอง นายเกิด สุเทียร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดไพลิน นายมอก รา รองผู้ว่าราชการจังหวัดโพธิสัตย์ นายอิท ไมคู รองประธานหอการค้า จังหวัดพระตะบอง เข้าร่วม
จุดประสงค์สำคัญของการจัดงานก็เพื่อขยายตลาดสินค้าของไทยสู่ชาวกัมพูชา เวียดนาม และจีน รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พร้อมเจรจาจับคู่ธุรกิจ และสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางการค้า การลงทุนร่วมกัน รวมทั้งยังเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกัน
ภายในงานยังจัดให้มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมเพื่อกระชับสัมพันธ์ที่จังหวัดจันทบุรี จังหวัดพระตะบอง และจังหวัดไพลิน มีให้กันมาอย่างยาวนาน หลังได้มีการทำ MOU ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และความมั่นคงชายแดนมาก่อนหน้านี้แล้วเมื่อหลายปีก่อน กระทั่งมีการขยายความร่วมมือไปสู่จังหวัดโพธิสัตย์
สำหรับการจัดงานแสดงสินค้า Mini Thailand Trade Exhibition มีนักธุรกิจชาวไทย และจังหวัดจันทบุรี ร่วมออกร้านแสดงสินค้า และเจรจาจับคู่ธุรกิจ สร้างเครือข่ายพันธมิตรทางการค้า และการลงทุนร่วมกันรวม 40 บูท มีประชาชน นักธุรกิจชาวกัมพูชาให้ความสนใจเลือกซื้อสินค้า และเจรจาธุรกิจการค้าจำนวนมาก
สินค้าที่ได้รับความนิยมคือ สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าแปรรูปทางการเกษตร อัญมณี เครื่องประดับ เสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ยังได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดงานแสดงสินค้าที่จังหวัดเสียมราฐ ซึ่งก็มีประชาชน และนักท่องเที่ยวเข้ามาเลือกซื้อสินค้ารวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความต้องการสินค้าจากไทยที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ