xs
xsm
sm
md
lg

DSI สนธิกำลังทหาร ป่าไม้ ตร. บุกตรวจสอบพื้นที่ 600 ไร่รุกป่าสงวนแห่งชาติช่องอินทรีย์ที่ห้วยกระเจา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - DSI ภาค 7 สนธิกำลังทหาร ป่าไม้ ตำรวจ ปทส. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง บุกเข้าตรวจสอบพื้นที่ 600 ไร่ รุกที่ป่าสงวนแห่งชาติช่องอินทรีย์ ด้านตะวันออก และป่าดอนแสลบ-เลาขวัญ ในพื้นที่ตำบลวังไผ่ อำเภอห้วยกระเจา กาญจนบุรี พบพื้นที่ส่วนใหญ่ปลูกพืชไร่ อ้อย มันสำปะหลัง ยูคาลิปตัส และผักชี

เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (26 ส.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี พ.ต.ท.อานนท์ อุนทริจันทร์ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 7 กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 7 กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI นายวิวรรธน์ มองเห็นทวีโชค หน.หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่ 13 กรมป่าไม้ ร.ต.ต.สุวัฒน์ ห้วยหงษ์ทอง เจ้าหน้าที่กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กก.5 บก.ปทส.) ร.ต.ไพบูลย์ ธรรมจาดี หน.ชุดประสานงานประจำพื้นที่ ร้อย รส.ร.9 พัน 2 กรมทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอห้วยกระเจา และนางโยษิตา เหล่าทรัพย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.วังไผ่ อ.ฆ้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี

ได้ร่วมประชุมวางแผนเข้าตรวจสอบพื้นที่ร้องเรียนว่า มีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติช่องอินทรีย์ด้านตะวันออก และป่าดอนแสลบ-เลาขวัญ ในพื้นที่ หมู่ 8 ต.วังไผ่ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี พื้นที่บุกรุก จำนวน 11 แปลง ประมาณ 600 ไร่ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ จากนั้นคณะทั้งหมดได้เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ทั้ง 11 แปลง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ส่วนใหญ่นำไปปลูกพืชไร่ เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ยูคาลิปตัส และผักชี เป็นต้น

พ.ต.ท.อานนท์ อุนทริจันทร์ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 7 กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI เปิดเผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 7 กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติช่องอินทรีย์ ด้านตะวันออก และป่าดอนแสลบ-เลาขวัญ ในพื้นที่ หมู่ 8 ต.วังไผ่ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี พื้นที่บุกรุก จำนวน 11 แปลง ประมาณ 600 ไร่ จึงรายงานให้นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ทราบ

จากนั้นจึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ตนเป็นหัวหน้าคณะในการตรวจสอบข้อเท็จจริง และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยให้เป็นไปตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 64/2557 เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และก่อนหน้านี้ คณะเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในเบื้องต้นไปแล้ว พบว่า พื้นที่ในส่วนนี้มีการบุกรุกได้มีการพิสูจน์ทราบแล้วว่าไม่มีการทำประโยชน์มาก่อนตามมติ ครม.วันที่ 30 มิ.ย.2541

นอกจากนี้ ยังพบว่าพื้นที่ทั้ง 11 แปลง มีพื้นที่อาจจะเข้าข่ายเป็นการบุกรุกพื้นที่ที่คาบเกี่ยวกับพื้นที่ ส.ป.ก.และไม่ได้มีการแจ้งการสำรวจถือครอง แต่บางแปลงมีที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ไม่อยู่ในเขตพื้นที่ ส.ป.ก.ไม่มีเอกสารสิทธิทำกิน (สทก.) และไม่ได้มีการแจ้งสำรวจถือครองแต่อย่างใด ดังนั้น จึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อที่จะดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด และดำเนินการตามมาตรการป้องปรามไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่บริเวณดังกล่าวเพิ่มเติม และประสานผู้นำท้องถิ่นเช่นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้มีการเฝ้าระวัง

ในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้พิจารณาแล้วพบว่า มีการบุกรุกพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ซึ่งผลการดำเนินการที่ผ่านมายังขาดหน่วยงานที่จะเข้ามาเป็นเจ้าภาพในการตรวจสอบ เราจึงต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่รับผิดชอบพื้นที่ให้เข้ามาเป็นเจ้าภาพในการตรวจสอบ

พ.ต.ท.อานนท์ กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่แน่นอนว่ากลุ่มที่เข้ามาบุกรุกมีทั้งกลุ่มนายทุน และชาวบ้านในพื้นที่ ดังนั้น จะรีบทำความเข้าใจต่อคนในพื้นที่ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อลดผลกระทบที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมจะมีการวางแผนดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกทำลายให้คืนสภาพป่าที่สมบูรณ์ดังเดิม

“ถามว่ากรณีดังกล่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ เบื้องต้นจะต้องนำไปพิจารณาเสียก่อนว่าจะรับหรือไม่รับ เพราะจะต้องไปหารือกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่รับผิดชอบพื้นที่ คือ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) เสียก่อน” พ.ต.ท.อานนท์ กล่าวและว่า

สำหรับรายชื่อผู้ที่บุกรุกกรมสอบสวนคดีพิเศษมีชื่อทั้งหมดแล้ว และจะนำไปพิจารณาการครอบครอง หรือการเข้าทำประโยชน์เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อีกครั้งหนึ่ง และจะต้องทำการตรวจสอบประวัติการทำประโยชน์ในที่ดิน และเอกสารที่แสดงถึงสิทธิในการครอบครองหรือเข้าทำประโยชน์ หากพบกรณีที่เป็นการบุกรุก หรือเข้าทำประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจะพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในส่วนนี้เป็นความรับผิดชอบของสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) โดยตรง





กำลังโหลดความคิดเห็น