xs
xsm
sm
md
lg

แฉขบวนการ “โกงนมโรงเรียนพิษณุโลก” บิลครบ-นมไม่ครบ มีทอนเงินสดคืนให้ด้วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พิษณุโลก - นักธุรกิจเมืองสองแควร้องสื่อ ถูกบริษัทผลิตนมโรงเรียนเบี้ยว หลอกกู้เงินมาร่วมลงทุน ก่อนบอกเลิกสัญญาเฉย พร้อมแฉขบวนการ ”นมกระดาษ” ทำสัญญาส่งนม-ออกบิลเก็บเงินแต่ละโรงเรียนครบ 260 วัน/ปี แต่ส่งจริงไม่ถึง

วันนี้ (23 ส.ค.) นายสุทธิโรจน์ วัฒนวาณิชกิจพร นักธุรกิจชาวพิษณุโลก ได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า ถูกหลอกให้ลงทุนกับกิจการผลิตนมโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เมืองพิษณุโลก โดยได้กู้เงินมาหลายล้านบาท เพื่อร่วมลงทุน ลักษณะซื้อรถห้องเย็น 8 คัน พร้อมทำตลาดขายนมโรงเรียนในจังหวัดพิษณุโลก และพิจิตร ซึ่งจะได้ค่าการตลาด 70 สตางค์สำหรับนมถุง และ 40 สตางค์สำหรับนมกล่อง

“แต่พอทำมาได้ประมาณ 2 ปี บริษัทฯ ก็บอกเลิกสัญญา โดยไม่บอกสาเหตุ ลักษณะลอยแพทันที ช่วงนั้น ตกใจมาก เพราะเงินที่ลงทุนไปยังไม่ได้คืน โดยที่นาย ส. และ นาง ป. ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานผลิตนมตัวจริง ไม่ยอมเจรจา”

นอกจากนี้ ระหว่างทำงานขนส่งและเก็บเงินค่านมโรงเรียนช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยังพบกับเล่ห์กลโกง หรือที่เรียกว่า”นมกระดาษ” ซึ่งแต่ละปี รัฐบาลจ่ายเงินให้เด็กนักเรียนทั่วประเทศ อุดหนุนเงินค่าหัวนมรายหัวประมาณ 8 บาทต่อหัว หรือจำนวน 15,000 ล้านบาท หากคิดเป็นเทอม ก็ตกประมาณ 7,500 ล้านบาท โดยรัฐจ่ายเงินผ่านมาทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เต็มจำนวนรายหัว หากเป็นโรงเรียนรัฐ ให้องค์การบริหารส่วนตำบล( อบต.) เป็นผู้เปิดประมูลจัดซื้อจัดจ้างบริษัทผู้ผลิตนม ส่วนโรงเรียนเอกชน ให้ไปดำเนินการจัดหากันเอง ถือว่า เปิดโอกาสทุจริตมากกว่าโรงเรียนรัฐที่มี สตง.คอยตรวจสอบ

เฉพาะเด็กนักเรียนในจังหวัดพิษณุโลก มีทั้งหมด 60,000 คน (แยกเป็นในเขตเทศบาล 10,000 คน) ส่วนพิจิตร 40,000-50,000 คน รัฐบาลจ่ายเงินอุดหนุนรายหัวเด็กนักเรียนจำนวน 260 วันเท่านั้น (หักวันปิดเทอมใหญ่) อบต.หรือโรงเรียนเอกชน จะต้องซื้อนมให้หมดตามที่ สพฐ.กำหนดไว้ ไม่มีหน่วยข้างตนรายใดนำเงินไปคืนรัฐ

ขบวนการโกงกิน เริ่มต้นเมื่อทุกโรงเรียนได้เงินงบประมาณจาก สพฐ.คิดเป็นรายหัวๆละ 8 บาท สามารถจัดซื้อนม ตามราคากลาง (นมถุง-พาสเจอไรท์ ประมาณ 6.50 บาท) ที่เหลือเป็นส่วนต่างสำหรับราคานมขึ้นลง แต่จุดที่ทุจริตมากกว่านั้น คือ ยอดนมไปตามโรงเรียนจริงๆ น้อยกว่ายอดเงินที่รัฐอุดหนุนไว้ 260 วันต่อปี เพราะโรงเรียนสั่งหยุดกินนม เมื่อมีกิจกรรม, สอบ, เตรียมก่อนปิดเทอม

“ยอดนมที่ขาดส่งดังกล่าวนั้น โรงเรียนรับรู้และรับทราบว่า บริษัทผู้ผลิตนม จะต้องนำเงินสดมาคืนโรงเรียน ลักษณะเงินทอน หรือเรียกว่า นมกระดาษ เนื่องจากส่งนมให้ไม่ครบตามจำนวน”

นายสุทธิโรจน์ กล่าวว่า ส่วนต่าง“นมกระดาษ”มีทุกโรงเรียน ดูเหมือนไม่มาก แต่บริษัทผลิตนมที่ตนร่วมทุน วิ่งส่งนมให้หลายโรงเรียนร่วมๆ 100 แห่งในจังหวัดพิษณุโลกและพิจิตร รวมยอดแล้วเป็นเงินนับล้านบาท

ยกตัวอย่าง โรงเรียนอนุบาล-ประถม แห่งหนึ่ง ถ.สนามบิน อ.เมือง พิษณุโลก มีเด็ก 4,000 คน โรงงานผลิตนมของตนเป็นผู้ชนะการประมูล ตนจะต้องส่งนมทุกวัน ตามยอดเรียน 100 วัน (ใน 1 เทอม) บวกนมกล่อง ที่ต้องจ่ายให้ช่วงปิดเทอมเล็ก เท่ากับว่า จะต้องส่งนมให้ครบ 260 วันตาม สพฐ.จัดงบประมาณรัฐมาให้ แต่ที่จริงแล้ว ส่งไม่ถึง 260 วัน ซึ่งก็คือ”นมกระดาษ” หรือเงินกินเปล่าของโรงเรียน

ที่แย่กว่านั้น คือ โรงงานผลิตนมหลายแห่ง ด้อยคุณภาพ หลายแห่งถูกตรวจสอบ เพราะเด็กไม่ชอบกินนม นิยมซื้อตามมินิมาร์ททั่วไปแทน

นายสุทธิโรจน์ กล่าวว่า บริษัทผู้ผลิตนม มีรายได้เฉลี่ยต่อเทอมจำนวน 3-4 ล้านบาท แต่ยืนยันว่า ส่งนมให้ไม่ครบ 3-4 ล้านบาท ทางโรงเรียนก็รับทราบ และทางบริษัทผู้ผลิตนมจะต้องเอาเงินสดไปคืนโรงเรียน สมมุติว่า ยอดเงิน 1 ล้านบาท แต่ปัญหาก็คือ ทางบริษัทผู้ผลิตนม เขาจะให้ตน ซึ่งเป็นคนส่งนมเป็นผู้จ่าย ทั้งๆที่บริษัทผู้ผลิตต้องจ่าย นี่คือ ปัญหา เพราะยอดค่านมทั้งหมด 3-4 ล้านบาทบริษัทผู้ผลิตนมเป็นผู้รับ

“มันไม่เป็นธรรม ตนจึงต้องออกมาร้องเรียน”

นายสุทธิโรจน์ บอกอีกว่า ที่ผ่านมาได้ร้องกับศูนย์ดำรงธรรมพิษณุโลก อัยการจังหวัดพิษณุโลก แต่เรื่องเงียบ เพราะบริษัทฯ อ้างว่าเงินค่า”นมกระดาษ”เป็นเรื่องของคนส่งนม เร็วๆนี้ จะร้องขอความช่วยเหลือจากทหารกองทัพภาคที่ 3 อีกทาง เพราะไม่มีหนทางแล้ว และที่สำคัญไม่มีเงินว่าจ้างทนาย แต่ยอมรับว่า การตกลงร่วมหุ้นกันครั้งนี้ ไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร มีเพียงพยาน คือ เลขานุการของเจ้าของบริษัทจดบันทึกเท่านั้น

กำลังโหลดความคิดเห็น